“การก่อหนี้นั้นไม่ผิด หากเศรษฐกิจโตเร็วกว่าหนี้ที่ก่อ” นโยบายแก้หนี้สินปชช.ของ “เพื่อไทย”

“การก่อหนี้นั้นไม่ผิด หากเศรษฐกิจโตเร็วกว่าหนี้ที่ก่อ แต่นั่นไม่ใช่กรณีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่ก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นแบบหายนะมากกว่า 5.16 ล้านล้านบาท ต้องใช้หนี้ไปอีก 74 ปีไม่รวมดอกเบี้ย”

เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กรรมการนโยบาย กรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย แถลงถึงนโยบายแก้หนี้สินของประชาชนและประเทศทั้งระบบ ว่าทั้งประเทศไทยสามารถแยกหนี้สินทั้งหมดได้เป็น 4 กองใหญ่ ที่ต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วน ได้แก่

1. หนี้ประเทศ หรือหนี้สาธารณะ : 8 ปี รัฐบาล คสช.-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 5.16 ล้านล้านบาท ไม่รวมหนี้ใต้พรมที่อยู่กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ต้องใช้เวลาถึง 74 ปี ชำระหนี้ ไม่รวมดอกเบี้ย การก่อหนี้นั้นไม่ผิดหากเศรษฐกิจโตเร็วกว่าหนี้ที่ก่อ แต่นั่นไม่ใช่กรณีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ตลอด 4 ปี ขนาดเศรษฐกิจของไทยหักเงินเฟ้อ นั้นติดลบ นี่คือการก่อหนี้แบบหายนะ

สำหรับพรรคเพื่อไทย แนวทางในการบริหารหนี้สาธารณะ เริ่มต้นจากการออกแบบนโยบาย ทุกนโยบายของเพื่อไทยไม่ว่าใช้เงินมาก-น้อย ทุกบาททุกสตางค์ได้รับการกลั่นกรอง ไตร่ตรองด้วยความรับผิดชอบทางการคลัง ว่าทุกนโยบายส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจมากกว่าเม็ดเงินที่ใช้ เพื่อเศรษฐกิจที่โตเร็วกว่าหนี้ เพื่อหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ลดลงในระยะยาว

2. หนี้เกษตรกร : 90% ของครัวเรือนเกษตรกรเป็นหนี้ เฉลี่ย 430,000 บาทต่อครัวเรือน ทุกวันคือการกู้มาลงทุนในสิ่งที่ขาดทุนหรือแทบไม่เหลือกำไร เหล่านี้จะกลายเป็นอดีต

พรรคเพื่อไทยกำลังจะสร้างอนาคตให้เกษตรกร รายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี โดยต้องทำอีกสิ่งหนึ่งไปพร้อมกัน นั่นคือการแก้หนี้ของเกษตรกร เกษตรกรเดินไปข้างหน้าไม่ได้ หากยังมีพันธนาการพันหลังอยู่ และนั่นจึงเป็นที่มาของนโยบายพักหนี้เกษตรกร ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย 3 ปี ควบคู่กับการพลิกฟื้นและผ่าตัดภาคเกษตรกรรมไทย

3. หนี้ SME : 2.3 ล้านบัญชี มูลค่าหนี้ 2 แสนล้านบาท คือ หนี้เสียรหัส 21 ของ SME ที่เคยแข็งแรง แต่ประสบภัยโควิด ประสบอุบัติเหตุทางการเงิน แม้เศรษฐกิจจะสามารถลุกขึ้นได้ แต่คนกลุ่มนี้ลุกไม่ไหว ต้องเร่งช่วยเหลือ และนั่นจึงเป็นที่มาของมาตรการพักหนี้ SME ประสบภัยโควิด 1 ปี คู่ขนานไปกับการปรับโครงสร้างหนี้แบบเฉพาะเจาะจง ตรงกับความต้องการของภาคเอกชน ต่อยอดด้วยชุดนโยบาย SME ของเพื่อไทย

4. หนี้นอกระบบ : กว่า 1.4 ล้านคน มีหนี้นอกระบบ นี่คือกลุ่มที่เปราะบางที่สุด เข้าไม่ถึงแม้แต่สินเชื่อในระบบ โดนปฏิเสธ โดนดูถูก ไร้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ต้องหันไปหาเจ้าหนี้นอกระบบ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความอันตราย

พรรคเพื่อไทยเสนอการ 1. ดึงหนี้นอกระบบสู่ในระบบ โดยสร้างคู่แข่งสู้กับเจ้าหนี้นอกระบบ เอาชนะด้วยดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ปลอดภัยกว่า เข้าถึงง่ายกว่า และรับประกันโดยภาครัฐ กลไกนี้คือพิโกไฟแนนซ์ โดยผลักดันอุดหนุนดอกเบี้ยให้พิโกไฟแนนซ์ให้ถูกกว่าและเป็นทางเลือกที่ดีกว่าของประชาชน และ 2. กันหนี้ในระบบไหลสู่นอกระบบ โดยเพิ่มงบประมาณการค้ำประกันสินเชื่อให้รัฐรับความเสี่ยงบางส่วนของประชาชน เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ หยุดการไหลสู่หนี้นอกระบบ ทั้งสองกลไกจะทำงานร่วมกันเพื่อหยุดวงจรหนี้นอกระบบ

นี่คือการทลายหนี้ 4 กอง ของพรรคเพื่อไทย ถึงเวลาแล้วที่จะคืนความมั่นคงทางการคลังให้กับประเทศ คืนความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชน

Written By
More from pp
ธ.ก.ส. เร่งสอบทานผู้ยื่นทบทวนสิทธิ์ มาตรการเราไม่ทิ้งกัน
ธ.ก.ส. ระดมกำลังพนักงานทั่วประเทศ ออกปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สิทธิ์ในพื้นที่ไม่เว้นวันหยุดราชการ เพื่อเร่งทบทวนสิทธิ์ให้กับผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ตามมาตรการเราไม่ทิ้งกัน ของกระทรวงการคลัง โดยกำหนดจุดนัดหมายในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทะเบียน และง่ายต่อการสอบทาน พร้อมยึดหลักการบริหารจัดการตามหลัก Social Distancing...
Read More
0 replies on ““การก่อหนี้นั้นไม่ผิด หากเศรษฐกิจโตเร็วกว่าหนี้ที่ก่อ” นโยบายแก้หนี้สินปชช.ของ “เพื่อไทย””