คลิกฟังบทความ..?
เปลว สีเงิน
เวลาออกศึกสงคราม กองทัพไหนจะ “แพ้-ชนะ” ดูไม่ยาก
“ซุนวู” บอก…….
“ใต้ธงรบแม่ทัพที่เข้มแข็งย่อมไม่มีทหารเลว” จึงประเมินไม่ยากถึงผล “แพ้-ชนะ” ในบั้นปลาย
ในเมื่อ “แม่ทัพ-นายกอง” กร้าวฉกาจ ไพร่พลรบย่อมฮึกเหิม มีกำลังใจ
กรีฑาทัพไปถึงไหน แม้มิทันต้องชักอาวุธ ความเกรียงไกรจะสามารถเหยียบใจฝ่ายตรงข้ามจนขาอ่อนไปก่อนแล้ว
เทียบกับการออกหาเสียงของพรรคต่างๆ ตอนนี้
ทัพ “รวมไทยสร้างชาติ”
แค่ “แม่ทัพประยุทธ์” นำขุนพลใหญ่น้อยส่วนหนึ่ง ออกสำรวจชัยภูมิตามสมรภูมิต่างๆ ล่วงหน้าเท่านั้น ก็สะเทือน-สะท้านไปทั่ว
ทำเอาฝ่ายตรงข้ามถึงเสียขวัญ กองทัพรวนเร
ตัวแม่ทัพยันไพร่ราบพลเลวต่างถอดใจ
เรียกว่ากองทัพฝ่ายตรงข้ามระส่ำ ซึ่งในลักษณะนี้ ตามการศึกบอกได้เลยว่า
“รบเมื่อไหร่ แพ้ราบเมื่อนั้น”!
กองทัพที่จะแพ้ อาการแรกที่เห็นก่อน คือการ “แตกสามัคคี” ในระดับแม่ทัพ-ขุนศึก จากนั้นทะเลาะกัน โทษกันไป-โทษกันมา
เมื่อระดับแม่ทัพ-ขุนศึกแตกสามัคคี แล้วนักรบลูกทัพจะเอาขวัญกำลังใจมาจากไหน มีแต่สลัดเสื้อเกราะ ทิ้งทวนหนี ก่อนทัพแตกเท่านั้น
พรรคประเภท “หัวก้าวหน้า” รุ่นใหม่-ไฟแรง เข้ามา ก็จะล้มล้างระบอบ-สถาบัน นั้น ใช่จะมีแต่ “พรรคก้าวไกล” พรรคเดียว
หลัง ๖ ตุลา.๑๙ จนถึงวันนี้ พรรคลักษณะเดียวกับก้าวไกล “เกิดแล้วตาย-ตายแล้วเกิด” วนเวียนเป็นกษัยสังคมไม่รู้กี่พรรคต่อกี่พรรคแล้ว
“สังคมเป็นจริงทางการเมือง”
กับ “สังคมจินตนาการทางการเมือง”
มันเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” จะเปรียบก็แดดเปรี้ยงกับพยับแดด ฉันใด
การ “ทำงานการเมืองเพื่อสังคมชาติบ้านเมือง” กับ “การทำงานการเมืองเพื่อล้มสังคมชาติบ้านเมือง” มันก็ฉันนั้น
การปฎิรูปประเทศในหลักการประชาธิปไตยเพื่อสังคมชาติบ้านเมือง
การปฎิรูปนั้น…..
ต้องไม่มอง “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” เป็นส่วนเกินที่ต้อง “รื้อ-ล้ม-ล้าง”
แต่อย่างที่เด็กเพิ่งหย่านมแม่ใน “บางพรรค” ขับเคลื่อนพรรคโดยตีโจทย์คำว่า “ปฎิวัติ” ตามวิถีประชาธิปไตย หมายถึงต้อง “รื้อ-ล้ม-ล้าง” สถาบันหลักของชาติ นั้น
ควรกลับไป “กินนมแม่” ให้ครบโดสก่อน แล้วค่อยมาทำงานการเมือง “สร้างชาติบ้านเมือง”
เมื่อไม่ “บกพร่องทางเซลล์สมอง” แล้ว
จะทำให้เข้าใจหลัก “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ได้ถ่องแท้
ว่า “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ”
ได้ประยุกต์อยู่ในหลัก “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ลงตัวตามลักษณะสังคมไทยแล้ว
ฉะนั้น ไม่ต้องเสือก ไม่ต้องจุ้น …..
ไม่ต้องทำตัวเป็นเด็กคึกที่ไม่รู้จักไฟ สะแอ๋งเล่นไม้ขีดอย่างนี้อีก มันจะไหม้บ้าน-ไหม้เมืองหมด!
เห็นปิยบุตรกับพิธา “ตัวตึง” ก้าวไกลโพสต์ด่ากันไป-ด่ากันมา นั่นมันก็บอกอนาคตพรรคนี้ได้แล้ว
ถึง “ตี๋หัวตั้ง” ทำตัวเป็น “ลูกพี่ใหญ่” เข้ามาเป็นกาวใจหย่าศึกประสานร้าว แบบเด็กๆ ชนชั้น “หลอกใช้เด็ก” ด้วยกัน
ก็ไม่มีความหมายอะไรทางบวกกับสังคมที่เบื่อหน่ายการ “ซุกกระโปรงเด็ก” ปฎิรูป
มัน “ไม่เป็นมืออาชีพ…เอาดีเข้าตัวโยนชั่วให้เด็กเข้าคุก” ด้วยกันทั้งแก๊งนั่นแหละ!
บิ๊กแจ้ส “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ตอนได้เป็นผบช.น.ประกาศว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้”
“พี่” ของบิ๊กแจ้สคือ “นายทักษิณ” เมื่อได้เป็นผบช.น.บิ๊กแจ้ส บินไปให้ทักษิณติดยศ พล.ต.ท.ถึงฮ่องกง!
เลือกตั้งปี ๒๕๖๒ ที่พรรค “อนาคตใหม่” ที่เป็น “พรรคก้าวไกล” วันนี้ ก็เช่นกัน
ตอนนั้น อนาคตใหม่ คนกว่า ๖ ล้านเสียง เทคะแนนให้ จนได้สส.มาเป็นอันดับ ๓ รองจาก เพื่อไทย พลังประชารัฐ
เพราะความเป็นเด็กเพิ่งหย่านมนั่นแหละ ก็หลงว่าคนสนับสนุนแนวทาง “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” เทคะแนนให้
จึงเหลิงตามประสาเด็กจนถึงวันนี้ ………
แต่เขารู้กันทั้งบ้าน-ทั้งเมือง ว่าไอ้ ๖ ล้านเสียงนั่นน่ะ ไม่ใช่ได้มาจากตัวธนาธร-ปิยบุตรในแนวทางล้มเจ้านั่นหรอก
มันเป็นคะแนนที่ “พี่ทักษิณเขาให้” ตะหากล่ะ!
เพราะจากอุบัติเหตุ “อุบาทว์” ของทักษิณ ทำให้พรรคไทยรักษาชาติ “ต้องถูกยุบ” ก่อนวันเลือกตั้ง
จะเรียกว่า “ส้มหล่น” หรือ “ผีจัดสรร” ก็ว่ากันไป คะแนนคนเสื้อแดงจากไทยรักษาชาติเลยหล่นทับตีนพรรคอนาคตใหม่บวมเรื้อรังถึงวันนี้
แต่เลือกตั้ง ปี ๖๖ ที่จะถึงเดือนพฤษา.นี้ ทุกอย่าง “มันไม่เหมือนเดิม” แล้วหละ
หวังรุ่นใหม่ “วัย ๑๘ ปี” ที่จะหย่อนบัตรให้ ก็หวังกันไป แต่ที่จะไปหวัง “ทักษิณปันให้” เหมือนปี ๖๒ มันไม่มีแล้ว!
มีแฟน “การเมืองพันธุ์แท้” ท่านหนึ่ง คอมเมนท์ไว้ในเพจ “เปลว สีเงิน” เป็นตัวเลขน่าสนใจ จะยกมาให้อ่านกัน
…………………
เมย์ ณัฐชยา
เพื่อไทยแลนด์สไลด์ “ฝันกลางแดด”???
เลือกตั้งปี 54 พรรคเพื่อไทยได้ 15,744,190คะแนนเสียง ได้ส.ส.265คน
โดยได้จากเขตเลือกตั้ง 204 คน แยกเป็นภาคเหนือ 35คน ภาคอีสาน 104 คน ภาคกลาง+ภาคตะวันออก+ภาคตะวันตก 55 คน กทม.10 คน จากบัญชีรายชื่อ 61คน
รวมได้ ส.ส. 265 คน
?เป็นช่วงพีคสุดๆ ของพรรคเพิ่อไทย ที่มีคนเสื้อแดงสนับสนุนเต็มร้อย
เลือกตั้งปี 62 “บัตรใบเดียว” เพื่อไทยได้ ส.ส.136 คน แยกเป็นภาคเหนือ 25 คน ภาคอีสาน 84 คน ภาคกลาง+ภาคตะวันออก+ภาคตะวันตก 18 คน กทม.9 คน
เพื่อไทยได้คะแนนเสียงรวม7,868,465 เสียง จากเดิมปี 54 ที่เคยได้ 15,744,190 คะแนนเสียง
คะแนนเสียงของเพื่อไทย หายไปอยู่กับ
?ก้าวไกล(อนาคตใหม่) 6,312,377 คะแนนเสียง
?เสรีรวมไทย 826,754 คะแนนเสียง
?เศรษฐกิจใหม่ 485,117 คะแนนเสียง
?เพื่อชาติ 421,301 คะแนนเสียง
เพื่อไทยจะชนะแลนด์สไลด์ได้ส.ส.250 คน ต้องมีเสียงสนับสนุนจากคนเสื้อแดงไม่น้อยกว่า 15 ล้านเสียง แบบปี 54
แต่วันนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
เพราะคนเสื้อแดงไม่ได้เข้มแข็งเป็นปึกแผ่นเหนียวแน่นเหมือนปี 54
วันนี้คนเสื้อแดงเกือบครึ่งเปลี่ยนใจไปเลือกก้าวไกล คนเสื้อแดงบางกลุ่มก็สลับขั้วเปลี่ยนข้างไปเลือกพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาล
เพราะฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจะเอา 15 ล้านคะแนนเสียงจากที่ไหนมาแลนด์สไลด์
เลือกตั้งปี 66
☀เพื่อไทย 160-170
☀ก้าวไกล 25-35
☀ไทยสร้างไทย 10-20
☀ประชาชาติ5-7
☀เสรีรวมไทย 1-3
……………………………..
เห็นมั้ย คุณเมย์เขาเจ๋งกว่าผม ยอมรับเลย เขาฟันธงฉับ ก้าวไกล เที่ยวนี้ ๒๕-๓๕ ก็หรูสุด ที่จะ ๗๐-๘๐ อย่างปี ๖๒ เมากาวไปเถอะ!
ผมลองๆ รวมตัวเลข “แดง-ส้ม” ตามคุณเมย์ประเมิน เต็มที่ได้ ๒๓๕ เท่านั้นเอง
แล้วที่เหลืออีก ๒๖๕ ไปอยู่ไหนล่ะ?
ก็ที่ภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติ, พลังประชารัฐ, ชาติไทยพัฒนา, ประชาธิปัตย์, ไทยสร้างไทย, ชาติพัฒนากล้า, ไทยภักดี เป็นต้น
แบกระจาดตัวเลขดูแล้ว ที่โม้จะแลนด์สไลด์ กองทัพครอบครัวใหญ่จึงออกอาการ “ถอดใจ”
เริ่มหยั่งกระแส……
“เอาตัวแม่ลงมาคุมทัพแทนตัวลูกดีมั้ย?”!
กระทั่งตัวตึง-หน้าเหลี่ยมของพรรคเมื่อถูกจี้จุดประเด็นตู้ห่าวซื้อหมู่บ้านยกโครงการ ถึงดิ้นออกอาการคาคลับเฮาส์
“เรื่องขายบ้านแถมสัญชาตินี่ คนพูดน่าจะไม่ใช่คน น่าจะเป็นควาย บ้านหลังหนึ่งมันกี่ตังค์กันเชียว กำไรได้กี่ตังค์เอง ใครเขาจะไปแถมสัญชาติ
ขายบ้านแค่แถมมอเตอร์ไซค์คันเดียวยังไม่กล้าแถมเลย เพราะไม่คุ้มหรอก นับประสาอะไรกับแถมสัญชาติ
ผมถามหน่อยว่า บริษัทไหน จะมีอำนาจแจกสัญชาติ อำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบสัญชาติเป็นเรื่องของธนาคาร เรื่องของรัฐนู้น ใครมันจะแจกกันได้
มันต้องมีสัญชาติก่อน มันถึงจะซื้อบ้านได้ คนพูดว่า ขายบ้านแถมสัญชาตินี่ เป็นอะไรที่ไม่มีเหตุผลเลย อยากพูดอะไรก็พูด ผมฟังแล้วสังเวชจริงๆ
ไม่มีอะไรหรอก เลยบอกไงว่าคนที่พูด ไม่ใช่คนแล้วนะ แต่เป็นควาย”
จริงด้วยเนอะ…!
“ขายบ้านแถมสัญชาติ” ไม่มีหรอก มีแต่ “ขายตัวแถมประเทศ” ให้ไอ้กันมันเข้ามาเป็นอำนาจซ้อนอำนาจในบ้านเมืองไทย อย่างนี้ ถึงจะไม่เป็นควาย
แค่เป็น “หัวหน้าคอกหมา” และหมาล้วนๆ!!!
เนี่ย….
ตั้งแต่แม่ทัพ “ตัวลูก “ยันแม่ทัพ “ตัวแม่” ลงไปถึงพ่อทัพ “ตัวพ่อ” ออกอาการแกว่ง
บรรดาลูกทัพจึงชักออกอาการเคว้ง ด้วยมืดมนหนทางแลนด์สไลด์
เมื่อไม่แลนด์สไลด์ ก็หมายถึงตีตั๋ว “ฝ่ายค้าน” ต่ออีก ๔ ปี แค่นึก ผียังขนหัวลุก แล้วใครยังอยากอยู่เพื่อไทยต่อล่ะ?
อย่าไปหวังเรื่องแลนด์สไลด์ในอีสาน เอาแค่รักษาพื้นที่เดิม ๘๔ คน ในจำนวนเต็ม ๑๓๒ ในเลือกตั้งที่จะถึงนี้ไว้ให้ได้
ก็นับเป็นหมาเหนือควายแล้ว!
สรุปท้ายวันนี้…..
ร้อย “แลนด์สไลด์” ฤาจะสู้ หนึ่ง “ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อไป” จริงมั้ยเอ่ย?
เปลว สีเงิน
๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖