ขายบ้านแถมสัญชาติ – ผักกาดหอม

หยิกเล็บเจ็บเนื้อ ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง นั่นคือผลที่เกิดจากการอภิปรายของฝ่ายค้านในครั้งนี้ เป็นไปตามที่เก็งข้อสอบไว้

ผักกาดหอม

ค่อยคุ้มค่าเน็ตหน่อย…

อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติวันที่สองซึ่งเป็นวันสุดท้าย ดูมีสีสันขึ้นมานิด

แม้ส่วนใหญ่จะลักไก่ใช้ข้อมูลเก่าซักฟอกรัฐบาลก็ตาม

ย้ำอีกที เวทีนี้แม้จะเรียกติดว่า ซักฟอกโดยไม่ลงมติ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

มีไว้เพื่อให้ฝ่ายค้านถามข้อเท็จจริงจากรัฐบาล เมื่อรู้แล้วฝ่ายค้านก็เสนอวิธีแก้ปัญหาให้รัฐบาล

ตัวบทในรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้แบบนั้น

แต่ฝ่ายค้านฉวยโอกาสซักฟอกรัฐบาลไปโดยปริยาย เพราะข้อมูลที่นำมาอภิปรายคือข้อมูลเก่าจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อปีที่แล้วแทบไม่มีอะไรแตกต่าง

เป้าหมายฝ่ายค้านคือ ถล่มรัฐบาล หลังผลไปถึงการเลือกตั้ง อย่างที่ย้ำกันมาตลอด

แล้วเป็นไปตามที่ฝ่ายค้านคาดหวังหรือเปล่า

หยิกเล็บเจ็บเนื้อ

ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง

นั่นคือผลที่เกิดจากการอภิปรายของฝ่ายค้านในครั้งนี้

เป็นไปตามที่เก็งข้อสอบไว้

กรณี “ตู้ห่าว” สุดท้ายเละกลายเป็น น้ำเต้าหู้บูด

เพราะพันกันไปหมด

ดูเหมือน “ลุงตู่” จะเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วจริงๆ ถึงได้กรีด ส.ส.ฝ่ายค้านเสียเหวอะหวะ เลือดสาดกลางห้องประชุมสภา

“…ทราบว่าใช้ซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ ยกหมู่บ้าน ไม่ทราบว่าบริษัทของใคร สำหรับรัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอน ขายบ้านแล้วแถมสัญชาติ

ถ้าตรวจสอบให้ดีจะทราบว่าภรรยาของนายตู้ห่าวมีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีของบางพรรคการเมือง…”

ใบ้กินซิครับ!

ไม่เห็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยตอบโต้เลยว่า “เอสซี แอสเสท” ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ควรพาดพิงบุคคลที่ ๓ ที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภา

กรณี “ตู้ห่าว” คือความวิบัติของทั้งวงการการเมือง และตำรวจ

ถ้าจะถามคนหาคนรับผิดชอบ ก็นักการเมืองทั้งหมดนั่นแหละครับต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

แต่ถ้าจะให้ลงลึกคนสร้าง “ตู้ห่าว” คือใคร

ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่าคนที่แผ้วถางทางให้ “ตู้ห่าว” คือใคร

เอาแค่กระบวนการขอสัญชาติ ก็รู้เช่นเห็นชาติ

วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ยื่นขอแปลงสัญชาติไทยกับกองบัญชาการตำรวจสันติบาล

ผ่านขั้นตอนของอนุกรรมการกลั่นกรองไปถึงคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ เมื่อ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖

ผู้อนุญาตคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

มท.๑ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนั้นมีชื่อว่า “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ”

“จารุพงศ์” อนุญาตให้ “หาว เจ๋อ ตู้” แปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยได้

นั่นหมายความว่าขั้นตอนขอสัญชาติของ “ตู้ห่าว” จบลงในปี ๒๕๕๖

ส่วนขั้นตอนประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น เกิดขึ้นในยุครัฐบาล คสช.

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗

มองเผินๆ ก็ขอสัญชาติธรรมดา จะไปผูกโยงกับพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร

แค่นี้โยงไม่ได้หรอกครับ

แต่หากแทรกตัวละครอื่นๆ เข้ามา โดยเฉพาะ “วัฒนารี คำนิล” จดทะเบียนสมรสและแต่งงานกับตู้ห่าว เมื่อปี ๒๕๕๕ ก็จะพบความไม่ธรรมดาเกิดขึ้น

การแต่งงานกับสาวไทย “วัฒนารี คำนิล” นี่เองที่ ตู้ห่าว นำไปยื่นขอสัญชาติไทย

“วัฒนารี คำนิล” วันนี้คือ พ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์

พ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ เป็นลูกเลี้ยงของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ลูกเขยของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก

จึงมีศักดิ์เป็นหลานของ พล.ต.อ.ประชา

พล.ต.อ.ประชา เป็นอดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสมัยรัฐบาลเพื่อไทย

ร่วมคณะรัฐมนตรีเดียวกันกับ “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ”

นี่ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ครับ

เป็นข้อมูลโคตรเก่า

จึงแปลกใจไม่หายว่าทำไมพรรคเพื่อไทยยังเอา ตู้ห่าว มาเป็นเครื่องมือในการหาเสียง

ขายบ้านแล้วแถมสัญชาติ จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

แต่เป็นเรื่องของคนในแวดวง

คนนอกไม่รู้หรอกครับ

ส่วนคนในวงการเดียวกัน เขารู้กันมานานแล้วว่าใครเป็นใคร

และใครทำอะไร

ยิ่งประหลาดใจซ้ำซ้อนอีก นอกจากเรื่อง พูดหมาๆ สตรีปากหมา เตี้ยหลังม็อบก้าวไกลแล้ว ยังมีประเด็นการตั้งเลขาธิการ ปปง. กล่าวหาว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของรัฐบาล

ไม่ทราบว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย เห็นอะไรใน ปปง. ถึงได้ตั้งเป็นประเด็นโจมตีว่า “ลุงตู่” ใช้อำนาจผูกขาดแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง ใช้เป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน

ทุกวันนี้ ปปง.ก็ทำหน้าที่ปกติ ผิดกับยุครัฐบาลทักษิณใช้ ปปง.เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งกระทั่งสื่อมวลชน

ถ้าพูดเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงเพื่อสนองอำนาจการเมือง ย้อนกลับไปดูยุค “รัฐบาลระบอบทักษิณ” ชัดเจนกว่าใครเพื่อน

“ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” เป็น ผบ.ทบ.

“เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” เป็น ผบ.ตร.

และที่ใช้อำนาจย้ายผิดพลาดคือกรณี “ถวิล เปลี่ยนศรี”

ขว้างงูไม่พ้นคอครับ

ที่ประหลาดใจอย่างที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย ซัดแต่ ๒ ป.

ประยุทธ์ กับ ป๊อก

ส่วน “ป.ป้อม” ละอองน้ำลายยังไม่โดน

หรือที่ลือกันเป็นเรื่องจริง

ขายอุ๊งอิ๊งแถม ป.ป้อม

Written By
More from pp
ซีพีเอฟ เดินหน้า “คืนสุขสู่ผู้สูงวัย” ปี 12 สร้างรอยยิ้ม เติมกำลังใจให้ผู้สูงอายุในชุมชน
ปี 2565 ประเทศไทยก้าวสู่ “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” (Aged society) มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือวางโครงสร้างกับสังคมผู้อายุระยะยาว
Read More
0 replies on “ขายบ้านแถมสัญชาติ – ผักกาดหอม”