การเมืองเปลี่ยนขั้ว-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตามคาด….

ทัวร์ลง “คริส โปตระนันทน์” ไปเรียบร้อย

เป็นอะไรที่เข้าใจได้ ไปลากไส้เขาแบบนั้น ก็ควันออกหูซิครับ

ส.ส.สามนิ้วสายฮาร์ดคอร์ ไม่ปล่อยผ่าน

“อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ตอบโต้ดุเดือด

“…ในส่วนตัวไม่เคยเสียดายคนอย่างคริส โปตระนันทน์

การใส่ร้ายพรรคไม่ใช่สปิริตที่ดี เช่น กล่าวหาว่าไม่มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค

จริงคือมีการเลือกตั้งกรรมการบริหารจากที่ประชุมพรรคอย่างถูกต้องตาม กม. ..”

ก็เรื่องภายในเขา

แต่ติดนิดเดียว บ้านเมืองมีกฎหมาย เมื่อมีคนละเมิดกฎหมาย แต่ ส.ส.อย่าง “อมรัตน์” กุลีกุจอเป็นนายประกันให้คนทำผิดกฎหมาย

เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นคดี ม.๑๑๒

การใส่ร้ายป้ายสี กับการเปิดเผยความจริง มีเส้นแบ่งอยู่นิดเดียว ใครไม่เข้าใจก็เข้ารกเข้าพง

พรรคนี้เมื่อปีที่แล้ว กระเหี้ยนกระหือรือ ยกเลิก ม.๑๑๒ สถานเดียว

มาตอนนี้ใกล้เลือกตั้ง แก้ ม.๑๑๒ เท่านั้น ไม่มียกเลิก

ฟันธงถ้าได้เป็นรัฐบาล คงยังไม่แก้ ด้วยข้ออ้าง พรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วย

แต่หาเสียงรอบใหม่ เลือกก้าวไกลเป็นรัฐบาลพรรคเดียวจึงจะแก้

นั่นคือพัฒนาการของพรรคก้าวไกล

มองย้อนกลับไปช่วงใช้ชื่อ อนาคตใหม่ ไม่เฉพาะ “ดร.โจ-ชาญวิทย์ ใจสว่าง” เท่านั้นที่แฉเรื่องอำนาจรวมศูนย์ ทำเหมือนพระยันตระ เทศน์ดีมีคุณธรรม แต่มั่วสีกา

ยังมีอีกหลายคนที่เข้าไปคลุกคลีกับก๊วนธนาธรช่วงปี ๒๕๖๑ แล้ว ค้นพบความจริงว่า เบื้องหน้ากับเบื้องหลัง มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หนึ่งในนั้นคือ “นานา-วิภาพรรณ วงษ์สว่าง”

“นานา” คือหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่

อยู่ไม่นานต้องลาออก

“…วันนี้เพิ่งยื่นคำร้องขอพ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ทางออนไลน์ ให้ข้าพเจ้าพ้นจากสภาพสมาชิก, กรรมการบริหาร, ผู้สมัคร ส.ส. ให้ฝ่ายทะเบียนดำเนินการไปตามขั้นตอนโดยไม่ต้องการกระบวนการอภิปรายหรือต่อรอง เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าประสบได้เกินแก่กำลังของข้าพเจ้า และนับจากนี้คือ ข้อความในฐานะปัจเจกบุคคล เพราะข้าพเจ้าได้พ้นจากตำแหน่งใดๆ ในพรรคแล้ว

บัดนี้ข้าพเจ้าไม่มีความผูกพันใดๆ กับพรรคอนาคตใหม่ ชื่อก็ไม่อยากได้ยิน ข้าวของก็ไม่อยากเห็น…”

ไปเห็นอะไรเข้า?

หลังจากนั้น “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” โผล่มาชี้แจงกรณีคำสั่งกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่มีมติยุติการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการคณะกรรมการเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ หรือ New Gen Network (NGN)

เนื้อหาโดยรวมอ้างว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณไม่เหมาะสม

ไฮไลต์อยู่ที่ “กาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์” หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์สวนในโซเชียล

“ไม่รู้ทำไมพออ่านแถลงการณ์ของ ‘ช่อ’ เสร็จอยู่ดีๆ ก็อุทานว่า ‘ค…ย’ ออกมา”

“สนับสนุนให้ เด็กๆ NGN ที่โดนธนาธรปลด เขียนหนังสือให้ กกต.มาตรวจสอบการทำงานของพรรคนะคะ”

พรรคส้มหวานควรแก้ปัญหาภายใน การไล่คนออกจากองค์กรมันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา

ถ้าคุณบอกว่าคุณเป็นพรรคประชาธิปไตย คุณก็ต้องมีความโปร่งใสสิ อนุญาตให้ตรวจสอบได้ ผิดอะไรก็เน้นไปที่กระบวนการตรวจสอบ ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ยิ่งโฆษกแถลงว่า พรรคไม่จำเป็นเปิดเผยหลักฐานและรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง

เปิดเผยมาสิ ว่าหลักฐานที่บอกเด็ก ‘ใช้เงินไม่เหมาะสม’ มันคืออะไร ธนาธรมาไล่เด็กออกแบบนี้ มันเหมือนเด็กปัญญา ๑๐ ขวบอ่ะ สะท้อนอย่างตรงๆ ว่าไอ้นักการเมืองฝึกงานอย่างธนาธรมันความสามารถพิการตั้งแต่แรก ปราศจากความเป็นมืออาชีพอย่างสิ้นเชิง

อนาคตใหม่มันจะหมดไหม้ก็เพราะมีหัวหน้าเฮงซวยแบบนี้แหละ”

เป็นไงครับ พรรคนี้เขาซัดกันดุเดือดมานานแล้ว

ก็แสดงว่าข้างในมันมีบางอย่างที่คนนอกไม่รู้มากมายเหลือเกิน

มาถึงยุค พรรคก้าวไกล มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน

เสียงบ่นจาก ส.ส.ในพรรค ดังมาถึงข้างนอก

หัวหน้าพรรคเป็นคนเข้าถึงยาก

ขนาด ส.ส.ทำผลงานโดดเด่น อย่าง “เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” หัวเรี่ยวหัวแรงผลักดันร่าง พ.ร.บ.สุราเสรี ยังต้องบ่นดังๆ ท่านหัวหน้าไม่ค่อยรับโทรศัพท์

ส.ส.บางคนยกให้เป็นหัวหน้าเทวดา

นี่เขานินทากันก็เลยเอามานินทาต่อ

ตั้งใจจะคุยเรื่องการเมืองเปลี่ยนขั้ว ก็หลับตาเดา “คริส โปตระนันทน์” คงจะย้ายไปพรรคที่ครองใจคนกรุงได้ระดับหนึ่ง

เพื่อไทยหรือเปล่าไม่ทราบได้ หรือไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย”

แต่คงไม่ใช่ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ สร้างอนาคตไทย ภูมิใจไทย แน่นอน

ฉะนั้นยังไม่ถึงขั้นย้ายขั้ว แค่ย้ายพรรค

ครับ…ที่ย้ายขั้วแบบสุดสวิงริงโก้ คงไม่มีใครเกิน ๒ แกนนำแดงที่ผ่านสมรภูมิเผาบ้านเผาเมือง เป็นปฏิปักษ์กับ “ลุงตู่” และการเมืองฝั่งตรงข้ามระบอบทักษิณ ชนิดไม่น่ามีทางข้ามเส้นมาได้

แต่ “สมหวัง อัสราษี” กับ “ยศวริศ ชูกล่อม” หรือ เจ๋ง ดอกจิก ก็ย้ายค่ายมาอยู่กับ “ลุงตู่” แบบเซอร์ไพรส์พอสมควร

กรณี “เจ๋ง ดอกจิก” ไม่น่าสนใจเท่า “เฮียหวัง”

เพราะการร่วมกิจกรรมกับคนเสื้อแดง ร่วมชิงอำนาจคืนให้ “ทักษิณ” ทำ “เฮียหวัง” แทบสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นบุคคลล้มละลาย

ถ้าเป็นฝีมือฝั่งตรงข้าม ก็ยังภูมิใจได้ว่า เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

แต่มันดันเป็นฝีมือพวกเดียวกันนี่ซิ!

ถูกหลอกจนหมดตัว!

เมื่อปี ๒๕๖๒ “เฮียหวัง” ระบายความในใจผ่านโลกโซเชียลครับ

“ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่รู้ ว่าหนักแค่ไหนแบบเดียวกับผม ผมอยู่ นปช. มีแต่ใจเกินร้อยกับพี่น้อง แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังมีชะตากรรมที่ต้องแบกรับแทนคนอื่น สามเกลอ (นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ใช้ผมไปเปิดบัญชี เพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเองไปเปิดบัญชีรองรับเงิน เพราะเขารู้ว่าจะถูกสรรพากรประเมินเสียภาษี ทั้งหมดนี้ผมโดนสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้ เป็นเงิน ๕๗๒ ล้าน ผมจะเอาที่ไหนไปจ่าย ก็เลยโดนฟ้องล้มละลาย และตอนนี้โดนอายัดทรัพย์ และอายัดบัญชีทั้งหมด เหลือแต่ตัวแล้วครับ แถมเป็นบุคคลล้มละลายด้วย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย … นี่คือ สมหวัง อัสราษี ผมมันโง่เอง รักพวกจนไม่คิดถึงชีวิต และอนาคตตัวเอง บทเรียนที่แสนแพงในชีวิต ฉิบหายทั้งตระกูล เพียงเพราะคำว่าเพื่อน”

วันนี้ “เฮียหวัง” ยังเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิซูชิต้า เดินไปหา “ลุงตู่” ขออยู่ด้วยคน

นี่แหละครับการเมืองที่เขาบอกว่าต้องดูกันยาวๆ

ยิ่งยาวยิ่งเห็นว่า ใครเคยทำอะไรเอาไว้

ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

Written By
More from pp
ช้างแสนรู้ 35 เชือกตักบาตรรับพรเสริมสิริมงคล วันช้างไทย
คณะผู้บริหาร สวนนงนุชพัทยานำช้างแสนรู้ 35 เชือก ร่วมประกอบพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป พร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์เนื่องในวันช้างไทย
Read More
0 replies on “การเมืองเปลี่ยนขั้ว-ผักกาดหอม”