24 นวาคม 2565-นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศความชัดเจนจะไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยกข้ออ้างพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็น นายกฯไปแล้ว ว่า
พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจทิ้ง พล.อ.ประวิตร ที่อยู่กันมากว่า 40 ปี ไปอยู่กับพรรครวมดาว กปปส.ชัตดาวน์ประเทศ ที่รู้จักกันไม่กี่ปี ทั้งที่พรรคการเมืองเก่าที่แกนนำกปปส.เคยอยู่ยังปิดประตูใส่ ไม่อยากรับกลับ ไม่รู้พล.อ.ประยุทธ์ จะเอาอนาคตไปทิ้งที่นั่น หรือไปเป็นนายกฯคนละครึ่งกับหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
การลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่ผ่านมาและหลังจากนี้ กกต.ต้องจับตาดูให้ดี ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ไม่สองมาตรฐาน ต้องแยกเส้นแบ่งระหว่างการลงพื้นที่ติดตามนโยบายรัฐบาลกับการลงพื้นที่ไปหาเสียงให้ออก
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐ ไม่ใช้เวลาของทางราชการไปหาเสียงที่เป็นการเสี่ยงผิดกฎหมายและเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น
กฎเหล็กคุมเข้มหาเสียง 180 วันก่อนสภาฯครบวาระของกกต.ต้องไม่ให้นักการเมือง พรรคการเมืองหาประโยชน์ หากพล.อ.ประยุทธ์พยายามอาศัยช่องโหว่ลงพื้นที่ตีกินหาเสียงแบบคาบลูกคาบดอก กกต.ต้องไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ต้องไม่เลือกปฏิบัติ
ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่หาเสียงแล้วอ้างว่าไปติดตามนโยบายรัฐบาลก็อ้างไป แต่วันนี้หลายหน่วยงานเกียร์ว่าง แทบไม่รับคำสั่งรัฐบาล เพราะอ่านสัญญาณออกชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีงานอะไรให้ต้องไปติดตามได้แล้ว
“กกต.ต้องไม่เกรงใจรัฐบาล ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม” นายอนุสรณ์ กล่าว