เปลว สีเงิน
ทักษิณเปรียบชาวบ้านเป็น “คนตาบอด” ส่วนตัวเขาเป็น “เสือ”
ความหมายที่เขาพูด ก็คือ
เพื่อการหาเสียง อะไรที่พูดหลอกเอาคะแนนชาวบ้านได้ ก็พูดไปเถอะ
เพราะ “คนตาบอดไม่กลัวเสือ”!
คือชาวบ้านนั้นโง่ คิดอะไรไม่เป็นหรอก แค่บอกว่า “รวยแล้วไม่โกง” ก็เชื่อกันแล้ว
เออ…ก็ได้ผลแฮะ
ชาวบ้านบางส่วนก็ยังเป็นประเภท “ตาบอดไม่กลัวเสือ” ให้พรรคทักษิณหลอกขย้ำเป็นเหยื่อ จนถึงทุกวันนี้
“ร.ล.สุโขทัย” เจอพายุในอ่าวไทย ถูกคลื่นสูงราวๆ ตึก ๒ ชั้นซัดกระหน่ำ ถึงขั้นอับปาง เมื่อ ๑๘ ธันวา.๖๕
กำลังพลสูญหายในทะเล ๓๐ นาย พบว่าพลีชีพไปแล้ว ๖ นาย ที่เหลืออยู่ระหว่างค้นหา
ทุกคนภาวนา เอาใจช่วย ขอให้รอดปลอดภัย อยู่ ณ จุดใด-จุดหนึ่ง ของฝั่งหรือเรือสินค้า
ชาวบ้านที่ “บ่อนอก” ส่งกำลังบำรุงหน่วยค้นหา ด้วยข้าวปลาอาหาร ทั้งสด ทั้งแห้ง ไม่มีขาด มีแต่เกิน
ทั้งชาวเรือ ชาวประมง ต่างช่วยกันเท่าที่ศักยภาพจะทำได้ เรียกว่า “ยามมีภัย” คนไทยผนึกแน่นเป็นหนึ่งเดียว
แต่มีมนุษย์กลุ่มหนึ่ง…….
คือ “พรรคฝ่ายค้าน” นอกจากไม่คำนึงถึง “สถานการณ์รวม” และไม่แยกแยะเหตุเฉพาะหน้าที่ต้องทำก่อนตามวิสัยมนุษย์พึงมีแล้ว
ยังส่อ อำมหิต ไร้น้ำใจ
จ้องกระหน่ำซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้าย ทำทุกอย่างมุ่งผลทางการเมืองเพื่อฝ่ายตนตะพึด-ตะพือ ประหนึ่งอริราชศัตรู มิใช่คนไทยร่วมชาติ ร่วมแผ่นดินด้วยกัน
“ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าเพื่อไทย แถลงตอนหนึ่งว่า….
“เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ด้วยสมรรถนะเรือรบไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์นี้ แพ้โดยที่ยังไม่ได้รบ แพ้ตนเอง แพ้การตัดสินใจ แพ้ของการใช้ดุลพินิจ
เรือเริ่มมีน้ำเข้าช่วงเย็น และอับปางหรือคว่ำลงในช่วงดึก ซึ่งไม่ควรมีผู้สูญหาย เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ
ผมในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่สภา ในวันที่ 22 ธ.ค. เพื่อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาแสดงความรับผิดชอบ
และต้องมาตอบกระทู้ถามสดในสภา
เพราะเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องด่วนและเรื่องที่ประชาชนสนใจ กระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างมหาศาล
แม้เราจะไม่ถามกระทู้สด แต่ในฐานะเป็นฝ่ายตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสำนึกต่อหน้าที่และมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ต้องลาออกจากรมว.กลาโหม
ผมขอเรียกร้อง เพราะปล่อยปละละเลย ประเทศอื่น บ้านอื่น เมืองอื่น รถไฟคว่ำขบวนเดียว ก็ลาออกจากรมว.คมนาคม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ”
เจริญตามรอยทักษิณเปี๊ยบ!
“ตาบอดไม่กลัวเสือ” ฉันใด ชลน่านคนหลังเขา “รู้จักแค่แม่น้ำน่านล้นตลิ่ง แต่ไม่รู้จักทะเลยามบ้าคลั่ง จึงใช้หางอึ่งคิด” ก็ฉันนั้น
รู้จักทะเล เท่ารู้จัก “น้ำในปลักควาย” กับ “คนดอน” พอเขาใจได้
เมื่อบอกเป็นหัวหน้าฝ่ายค้าน ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็ยังโอเค.
แต่เมื่อจะตรวจสอบ ก็ควรศึกษาหาความรู้เป็นเบื้องต้นไว้บ้าง เพื่อจะได้ไม่พูดอะไรออกไป ที่คนฟังรู้สึกว่า “โง่…ไม่รู้เรื่อง-รู้ความ”
“ชลน่าน” ไม่ประสาเรื่องทะเลกับ “จิตวิญญาน” ทหารเรือเลย ถึงได้พูดอะไรที่มันน่าสมเพช ที่ว่า…..
“เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ด้วยสมรรถนะเรือรบไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์นี้
แพ้โดยที่ยังไม่ได้รบ แพ้ตนเอง แพ้การตัดสินใจ แพ้ของการใช้ดุลพินิจ
เรือเริ่มมีน้ำเข้าช่วงเย็น และอับปางหรือคว่ำลงในช่วงดึก ซึ่งไม่ควรมีผู้สูญหาย…..”
ประการแรก ชลน่านควรทราบ เรือหลวงสุโขทัย เป็นเรือรบขนาดเล็กที่สุด ใช้มาแล้ว ๓๐ กว่าปี
เป็นทั้งเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ทั้งเรือเร็วโจมตีติดอาวุธนำวิถี และเรือเร็วโจมตี
ประการที่สอง เรือคือลมหายใจของลูกดอกประดู่ทุกคนและ “ทหารเรือ” เมื่อลงเรือ จะเป็นทหารที่เคร่งครัด-เฉียบขาดที่สุด ในวินัยและคำสั่ง
ประการที่สาม ถ้าสดับตรับฟังข่าวสาร จะพบว่า วันที่ ๑๘ ธันวา “เป็นวันที่การรายงานอากาศ” เพี้ยน”ทั้งโลก
คือรายงานว่า วันนั้น ช่วงเวลานั้น ท้องฟ้าราบเรียบ คลื่นลมสงบ
นี่สิ่งควรเข้าใจเบื้องต้น ผมในฐานะ “ส่วนเกิน” ของทหารเกณฑ์ของกองทัพเรือ แต่ด้วยอยู่กับทะเล รู้จักทะเลยามคลั่ง ทั้งพี่น้อง ก็เป็นทหารเรือ
จึงเข้าใจคำว่า “ทะเล” ที่ต่างกับ “แม่น้ำ” หรือ “น้ำในแอ่งตีนควาย”
ยิ่งขณะนี้ สู่ภาวะ “ชั้นบรรยากาศโลกปรับเปลี่ยน” วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอยู่เหนือ “ธรรมชาติโลก” ความแม่นยำจากการพยากรณ์อากาศจึงไม่คงที่ ในยามโลกวิปริต
ทะเล ก็เหมือนผู้หญิง
มีใครในโลกคนไหนบ้าง ที่สามารถพยากรณ์ “อารมณ์หญิง” ได้แม่นยำและคงที่?
แต่นั่น ยามอารมณ์หญิงแปรปรวน ว่ารับมือยากแล้ว
แต่ “ยากไม่เท่า” หนึ่งในร้อยของทะเลร้ายหรอก คุณเอ๋ย!
อย่าว่าแต่ “เรือหลวงสุโขทัย” ซึ่งเป็นแค่เรือรบขนาดเล็กเลย ขนาดเรือเดินสมุทร “ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” อย่าง “ไททานิก” ซึ่งออกแบบป้องกัน “ภัยพิบัติทางทะเล” ชั้นเยี่ยม
“กัปตันเรือ” หลับตาข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมากว่า ๔๐ ปี เมื่อเจอความแปรปรวน
“ไทนาทิก” ยังต้องจม!
แล้วชลน่านเอาความเข้าใจเรื่องทะเลจากสมองส่วนไหนมาพูดว่า
“เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ด้วยสมรรถนะเรือรบไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์นี้”
ทะเลยามคลั่ง ยอดคลื่นสูงระดับตึกหลายๆ ชั้น นั่นส่วนหนึ่ง อีกส่วน คือความปั่นป่วนจากกระแสใต้น้ำ
มันกระหนาบ-กระหน่ำซัด ทั้งอัดกระแทก ทั้งบนและล่าง ให้กระเด็นกระดอน เป็นเรือธรรมดา ถูกฉีกเหมือนฉีกกระดาษได้ง่ายๆ
ที่ชลน่าน คะนองอำนาจหางแมลงป่อง ว่า…..
“แพ้โดยที่ยังไม่ได้รบ แพ้ตนเอง แพ้การตัดสินใจ แพ้ของการใช้ดุลพินิจ
เรือเริ่มมีน้ำเข้าช่วงเย็น และอับปางหรือคว่ำลงในช่วงดึก ซึ่งไม่ควรมีผู้สูญหาย…..”
คุณเอาวิสัยทัศน์ดูเรือแข่ง เรือพายตกปลาในแม่น้ำน่าน มาประเมินเรือในทะเล
แล้วเหยียบหยามเกียรติศักดิ์ทหารเรือ โดยเข้าไม่ถึงความเป็น “ลูกเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร”
ทั้งยังไม่รู้ “ข้อเท็จจริง” ของสถานการณ์ขณะนั้น รวมถึงปฎิบัติการทั้งหมดบนเรือ ขณะเรือหลวงสุโขทัยเผชิญพายุ
คุณอ่านแต่ข่าวประเภท “มีรายงานว่า…”
แล้วสรุปบนฐานความเคียดแค้นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่พวกคุณเรียก “รัฐบาลเผด็จการทหาร”
และบนฐานจิต อิจฉา-ริษยา สวมกระบังตาโมหะ หยิบฉวยทุกอย่าง ลากไปด่านายกฯ ขับไล่นายกฯ
ระดับ “หมาในคอก” มันก็คิดแค่นั้น-ทำอยู่แค่นั้น
จนชาวบ้าน-ชาวโลก “รู้เช่นเห็นสันดาน” เอือมระอากันหมดแล้ว
ไม่ต้องเห็นแก่ประยุทธ์ ไม่ต้องเห็นแก่รัฐบาลหรอก แต่ควร “เห็นการสอบหาข้อเท็จจริง” ก่อนที่จะมาแสดงโวหารใดๆ
ใคร..มาจากไหนไม่รู้
ก็มาข้ามหัวชลน่านขึ้นไปเป็นว่าที่นายกฯ ทั้งอุ๊งอิ๊ง ทั้งเศรษฐา โดยไม่เห็นหัวคนชื่อ “ชลน่าน-หัวหน้าพรรค” แบบนั้นน่ะ ก็เพราะอย่างนี้แหละ
งั่งไงล่ะงั่ง…เข้าใจมั้ย!?
กรณีเรือสุโขทัยอับปาง ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่การกระหน่ำซ้ำเติม ด้วยการเที่ยวชี้กราด “คนนั้นผิด คนนี้ห่วย”
มันต้อง “ค้นหา” คนที่สูญหายก่อน
ให้กำลังใจคนที่กำลังทำงานกันก่อน รวมทั้งญาติพี่น้องของผู้สูญหาย
ไม่ต้องการช่วยเลย ก็ไม่มีใครว่า
ขออย่างเดียว อย่าเพิ่ง “ซ้ำเติมปัญหา” สร้างทัศนคติและเรื่องราวเชิงปฎปักษ์ ให้ยอกแสลงใจต่อสังคมร่วมชาติ
เรือรบ กำลังพลทุกนาย คือ “สมบัติและทรัพยากร” ของชาติ เมื่อพบภัยพิบัติ ไม่ใช่แค่กองทัพเรือสูญเสีย
มันเป็นการสูญเสียของ “ชาติ-ประชาชน” ด้วย!
หรือพรรคเพื่อไทย เป็น “เพื่อไทย” แค่ชื่อ
ส่วนกายและใจ “แฝงไทย” จ้องจะทำลายอย่างเดียว!?
เรือสุโขทัย ยังจมอยู่ก้นทะเล…….
กำลังพล ส่วนหนึ่งหายไป อยู่ระหว่างค้นหา ส่วนหนึ่งนอนอยู่โรงพยาบาล ผู้บังคับการเรือ ก็ยังไม่พบ
เรียกว่า “ปัญหา-ข้อเท็จจริง” ของเหตุสู่เรืออับปาง ยังไม่มีใครรู้จริงทั้งสิ้น อีกทั้งอยู่ระหว่างตรวจสอบเบื้องต้น
ทุกอย่างมันไม่ง่ายเหมือนงานสภาของสส.ที่ “ใช้น้ำลายสร้างชาติ”
เอะอะก็ “ตั้งกระทู้ถามสด” ให้นายกฯ มาตอบ กรรมาธิการ จิกกบาล “แม่ทัพ-นายกอง” คนนั้นคนนี้มาชี้แจง
มันจะเป็นแมลงป่องกันไปถึงไหน กูละเอียน “ชูแต่หางเองอ้า อวดกล้าฤทธี”
ให้เจ้าหน้าที่เขาทำงานกันก่อนเถอะ พ่อมหาจำเริญ
จะให้เขาดำน้ำไปสอบปากคำเรือสุโขทัยก้นทะเล เคาะฝาโลงสอบปากคำกำลังพลที่เสียชีวิตมารายงานท่านเร่งด่วนแต่เดี๋ยวนี้ เพื่ออะไร หือ?
“แพ้โดยที่ยังไม่ได้รบ”
เป็นวาทกรรมบัดซบมากนะ…ชลน่าน!
มันหลู่เกียรติ เหยียดกองทัพเรือของชาติ โดยตรงนะนั่น
คุณมีมูลฐานบนข้อเท็จจริงอะไร ถึงขนาดใช้คำพูด “แพ้ตนเอง แพ้การตัดสินใจ แพ้ของการใช้ดุลพินิจ”?
อยากให้ “ชลน่าน” นำหลักฐานมาแสดง
หรือใช้แค่ อคติกับกองทัพ แล้ว “คิดเอา-นึกเอา”
“ใช้อารมณ์” ไม่ใช้ “เหตุผล” ในการทำหน้าที่ “ผู้นำฝ่ายค้าน”?
“กองทัพ” ไม่ใช่ลูกไล่ ไม่ใช่เขียงรองตีนพวก “คางคกขึ้นวอ” อย่างพวกคุณนะ
หัด “อมสาก” ไว้บ้าง แล้วจะดู “มีภูมิ”!
เปลว สีเงิน
๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๕