13 พ.ย.2564 – นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีเอ็มเมอร์ลีน จิล รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล วิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัย “ล้มล้างการปกครองเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับประชาชนชาวไทย” ว่า การที่แอมเนสตี้ฯ ออกมาให้ข้อมูลแบบนี้ กำลังเข้าข่ายละเมิดศาลหรือไม่ และกำลังเข้าข่ายในการปลุกระดม ให้คนเกิดการต่อต้านอำนาจศาลหรือไม่
องค์กรแห่งนี้อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน แต่การกระทำนั้นเข้าข่ายสนับสนุน ให้กลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งละเมิดอำนาจศาล และละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพประชาชนคนไทย ที่สำคัญองค์กรแห่งนี้เป็นองค์กรต่างชาติ ไม่ควรยุ่งเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองของไทย อย่างยิ่ง
นายเสกสกล กล่าวว่า ประเทศไทยยังสมควรให้องค์กรแห่งนี้อยู่ในประเทศไทยอีกหรือ เพราะที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าองค์กรแห่งนี้เคลื่อนไหว เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ มาโดยตลอด คอยให้การสนับสนุนกลุ่มบุคลคลที่สร้างความรุนแรง ออกแถลงการณ์แต่ละครั้งก็ค้านสายตาคนทั้งประเทศ
“ขนาดกลุ่มม็อบใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่แอมเนสตี้ยังออกมาเรียกร้องให้ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรง ซี่งสวนทางกับความจริงมาโดยตลอด ดังนั้นถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทย คนไทย ควรพิจารณาขับไล่องค์กรแห่งนี้พ้นผืนแผ่นดินไทย เหมือนหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่ากัมพูชา อินเดีย ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ฮ่องกงก็ไม่ยอมให้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เคลื่อนไหวในประเทศอีกต่อไป”
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่าเพราะการเคลื่อนไหวนั้นเป็นการทำลายประเทศอย่างต่อเนื่อง และคนที่ออกมาพูดก็ไม่ใช่คนไทย ดังนั้น ไม่เข้าใจวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย อ้างแต่เรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ทำไม ยอมให้คนกลุ่มหนึ่ง ก้าวล่วง และละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
ซึ่งนั่นก็เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงยิ่งกว่า แต่องค์กรแห่งนี้กลับทำไม่รู้ไม่เห็น ดังนั้นการเคลื่อนไหวของแอมเนสตี้ฯ เชื่อได้ว่ามีวัตถุประสงค์ และเงื่อนไขในการทำลายประเทศไทยโดยแท้จริง
นายเสกสกล ย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทย ควรจะได้ช่วยกันขับไล่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล พ้นประเทศไทยเสียที อยู่ไปก็สร้างความเดือดร้อนให้ประเทศไทย สร้างความแตกแยกให้ประเทศไทย ไม่รู้จักจบสิ้น