นายกฯ เตรียมลงภูเก็ต ๖ มิถุนายน ตรวจเยี่ยมการพัฒนาการศึกษาของ จ.ภูเก็ต และเป็นประธานเปิดการสัมมนา Thailand Tourism Congress 2022 พร้อมปาฐกถาพิเศษ “ยุทธศาสตร์ยกระดับท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน”
๔ มิถุนายน ๒๕๖๕- นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต ในวันจันทร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ โดยเวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมงานการพัฒนาการศึกษาของจังหวัดภูเก็ต ณ โรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร ถนนเยาวราช ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
เพื่อมอบนโยบายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม และเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน (Partnership school) พร้อมพบปะผู้นำท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานทางการศึกษา เยี่ยมชมการขับเคลื่อนการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลสู่การเตรียมอาชีวะเพื่อการมีงานทำ ซึ่งโรงเรียนพุทธมงคลนิมิตรเป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาเพื่อนักเรียนด้อยโอกาสขาดแคลนทุนทรัพย์ ไม่เก็บค่าเล่าเรียน และเป็นโรงเรียนวิถีพุทธเพื่อเสริมสร้างนักเรียนให้มีความรู้คู่คุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย เลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเปิดรับนักเรียนระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓
จากนั้น เวลาประมาณ ๑๔.๔๕ น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย (Thailand Tourism Congress 2022) พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน” ณ โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ อำเภอเมืองภูเก็ต และจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในเย็นวันเดียวกัน
นายธนกรกล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการ Thailand Tourism Congress 2022 จะเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความเห็นและองค์ความรู้ในการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวสำคัญของการท่องเที่ยวโลก อักทั้งยังเป็นโอกาสในการระดมสมองและกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยสู่ความยั่งยืนและสมดุล รวมทั้งการสร้างเครือข่ายการพัฒนาทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นกลไกในการสร้างข้อได้เปรียบด้านการแข่งขันและสร้าง ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกมิติอย่างครอบคลุม
นอกจากนี้ ยังจะเป็นการผลักดันบทบาทของประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) และเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก (Medical Tourism Destination) ตอบรับแผนการประกาศเปิดประเทศของรัฐบาลเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศด้วย