สัพเพเหระกับผู้กำกับฯ ตกงาน-สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

คุณมานพ อุดมเดช ผู้กำกับฯ มือรางวัล

ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็น “ราษฎรตกงานเต็มขั้น” และด้วยเหงากับการไร้งานจ้างจากค่ายหนัง-ค่ายละคร วันก่อนก็เลยโทรศัพท์ชวนผมไปนั่งเมาท์มอยท์กันสองต่อสอง

ก็..ร้านกาแฟแถวๆ เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ขาประจำ ซึ่งบรรยากาศในร้านโก้เก๋ดีอยู่ แต่น่าเห็นใจ ลูกค้ามีแค่ผมกับคุณมานพ สองหน่อเท่านั้น!

คุยกันสัพเพเหระ ทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ บันเทิง ยกเว้น “การมุ้ง” แม้ผมอยากคุยแต่ดูเหมือนคุณมานพจะปล่อยวาง-ละเลิกกับเรื่องพวกนี้ไปนานแล้ว

ปัจจุบันจึงได้อยู่กับหมา-แมว (นับสิบตัว) อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ไม่ถึงกับลำบาก แต่ก็หาได้สุขสบายเหมือนผู้กำกับฯ มือรางวัลท่านอื่นๆ

และเพื่อนพ้องน้องพี่ที่พอจะคบค้าสมาคมด้วยนั้น คุณมานพก็บอกว่านับวันดูจะห่างหายกันไปทีละคนสองคน ที่พอจะคุยได้อย่างคนเข้าใจกันก็มีผม-สันต์ สะตอแมน นี้แหละ..ขอบคุณครับ!

รู้จักกันมานาน คุยกันมาเยอะ (เรื่อง) แต่ผมก็เพิ่งได้รู้เบื้องหลัง-อดีต คุณมานพไม่เคยคิดฝันและไม่ได้อยากเป็นผู้กำกับหนังมาก่อน แกอยากเป็นดารา-อยากเล่นหนังว่างั้น!

ที่จับพลัดจับผลูได้เป็นผู้กำกับหนังน่ะ เรื่องมันยาว ถ้าให้เล่าก็เกรงใจท่านผู้อ่าน สรุปความว่า บังเอิญก็แล้วกัน และหนังเรื่องแรกที่ได้กำกับฯนั้นชื่อ “ประชาชนนอก”

เป็นหนังอินดี้ หนังการเมือง และหลังจากเรื่องนี้แล้วคุณมานพก็ไม่ได้สนใจหรือคิดจะทำหนังอีก แต่ได้หันไปสนุกกับงานพัฒนาสังคมนู่น!

แต่ก็สนุกอยู่ได้ไม่กี่น้ำ-กี่เพลา คุณมานพก็ถูกเฉดหัวออกมาจากองค์กรในข้อหา.. “ความคิดแข็งกระด้าง” ..เออ ก็เพิ่งจะได้ยินเน๊าะ?

อย่างไรก็ตาม ดวงคนจะได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ อยู่ๆก็มีคนเสนอให้กำกับหนังเรื่อง “หย่าเพราะมีชู้” ให้กับบริษัทพูนทรัพย์โปรดักชั่น และเหมือนสวรรค์เปิดทาง หนังทำเงินสูงสุดของปีนั้นเลย

จากนั้น ชีวิตก็วนเวียนอยู่กับแวดวงหนังมาตลอด แต่ด้วยเป็นคนไม่ได้ทะเยอทะยานในอาชีพนี้ มีคน (จ้าง) ให้ทำก็ทำ ไม่มีใครเรียกใช้ก็อยู่กับหมา-แมวไปตามลำพังเงียบๆ

“ถ้าฟ้าให้ทำ ถึงไม่อยากทำก็ได้ทำ แต่ถ้าฟ้าไม่กำหนด ดิ้นให้ตายก็เหนื่อยเปล่า”คุณมานพว่า.. “อีกอย่างเป็นคนคุยกับนายทุนไม่ค่อยเป็น กลัวนายทุนเสียด้วยซ้ำ กลัวบารมีคนมีเงิน ชอบอยู่ห่างๆ

อย่างเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ก็ได้บารมีจากหม่อมเจ้าชาตรีฯจึงได้ไปทำเรื่องคนบาปพรหมพิราม”

และด้วยหนังทำเงิน-ได้รางวัล คุณมานพจึงเลยได้ทำหนังกับสหมงคลฟิล์มต่อมาอีก 2-3 เรื่อง ก่อนที่จะเริ่มห่างๆจนกลายเป็น “คนตกงาน” อยู่ในเวลานี้

“พอแล้ว..ไม่อยากดิ้นรน อายุก็มากอยู่กับหมากับแมวแบบแห้งแล้งไปอย่างงี้ดีแล้ว” คุณมานพยิ้มหัว

“แล้วถ้ามีคนมาจ้างล่ะ?ผมอยากรู้.. “ก็แล้วแต่ฟ้าจะโปรด ถ้ามีคนเห็นคุณค่า มองว่าเรายังมีความสามารถที่จะทำหนังได้อยู่สมัยนี้ ก็ต้องลอง

แต่จะให้เดินเข้าไปร้องขอ เว้าวอน หรือหอบพล๊อตเรื่องไปคุย เลิกเลย ไม่เอาเด็ดขาด

แค่นี้เราก็ไม่รู้ว่า สายตาเขามองมานพ อุดมเดชแบบไหนอย่างไร ขืนโซซัดโซเซไปขอนายทุนแล้วถูกตะเพิดออกมาจะไม่เสียหมา-เสียคนเรอะ”

ถามจริง พี่คิด-มองวงการหนังไทยตอนนี้เป็นอย่างไร?.. “สารภาพเลยนะ ผมมองไม่เห็นแล้ว ผมถอยออกมาไกลเกินไปแล้ว ผมไม่รู้อะไรในแวดวงเขาเลย แต่คิดว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังไปได้

ยิ่งมีสตรีมมิ่งอย่างเน็ตฟลิกซ์เข้ามาสนับสนุน เปิดช่องทาง โอกาสให้หนังไทยได้เข้าอยู่ตรงนั้น ผู้สร้าง-ผู้กำกับฯก็น่าจะมีกำลังใจในการคิด-พัฒนาคุณภาพงานเพื่อจะได้แข่งขันกับชาติอื่นเขาได้” คุณมานพว่า

แล้วองค์กรหนังไทย อย่างสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์ฯ ล่ะ?.. “ไม่รู้สิ ตอนนี้ทำอะไรบ้างผมไม่เห็น คือจะพูดกันตรงไปตรงมา ผมว่าหมดยุคของเสี่ยเจียงองค์กรนี้ก็ดูจะเงียบหงอยลงทันตาเห็น

เขาอาจจะทำงานหนักเพื่อวงการหนังไทย แต่ภาพ-ข่าวสารไม่ได้ถูกนำเสนอสู่สายตาสังคม จึงเลยดูเงียบๆ ผมว่าอย่าไปวิจารณ์อะไรเลย ว่าแต่ตอนนี้ใครเป็นประธานรู้ไหม?

“ไม่รู้สิ” ผมตอบพลางมองหน้าคุณมานพ.. “ถ้าหาคนเหมาะสมยังไม่ได้ ผมว่าน่าจะลองเชิญ “แรมโบ้ อีสาน” มาเป็นก็ดีนะ..

เขาตกงานอยู่เหมือนกัน!


Written By
More from pp
“ศาสตรา ศรีปาน” ส.ส. สงขลา หารือประธานสภาฯ ไปยังกระทรวงมหาดไทย จัดซื้อรถเก็บขยะใหม่แทนคันเก่าที่ใช้มาหลายปี รองรับการเจริญเติบโตของชุมชน
นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส. เขต 2 สงขลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หารือประธานสภาฯ ถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาว ต.คลองแห อ.หาดใหญ่...
Read More
0 replies on “สัพเพเหระกับผู้กำกับฯ ตกงาน-สันต์ สะตอแมน”