“ประภัสร์” ลงพื้นที่พบ “ชาวหลักสี่-จตุจักร” ชวนเลือก ผู้ว่า กทม. “ศิธา เบอร์ 11” และ “ส.ก. ไทยสร้างไทย” โดยมีนโยบายเศรษฐกิจจับต้องได้ ทำได้จริง พร้อมดัน “กองทุนเครดิตประชาชน” เพื่อล้างหนี้นอกระบบทันที ให้คน กทม.ตั้งตัวได้ มีรายได้มั่นคง ย้ำพรรคไทยสร้างไทยสู้เต็มศักยภาพ ส่งผู้สมัครผู้ว่า กทม.-ส.ก. ครบทั้ง 50 เขต ทำการเมืองตรงไปตรงมา จริงใจกับคนกรุงเทพ
24 เมษายน 2565- นายประภัสร์ จงสงวน ผู้อำนวยการกองการเลือกตั้งพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายวิรัชย์พล วริทธิ์ภานิช ผู้สมัคร ส.ก. เขตหลักสี่ พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 6 และนายวิศาล กองเงิน ผู้สมัคร ส.ก. เขตจตุจักร พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 6 ได้ไปเยี่ยมพบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง และตลาดท่าทราย เขตหลักสี่ และชุมชนประชาร่วมใจ เขตจตุจักร
นายประภัสร์ และทีมผู้สมัคร ส.ก. พรรคไทยสร้างไทย รับฟังปัญหาของพี่น้องชาวหลักสี่-จตุจักร ส่วนใหญ่ ล้วนพูดตรงกันว่า ปัญหาใหญ่ที่สุด คือ ปัญหาเรื่องหนี้สิน โดยหลายคนนั้น ต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ เพราะเขาเหล่านี้ยังมีรายได้ที่ไม่มั่นคง บางคนเป็นผู้ประกอบการรายย่อยตามตลาด ทำให้ต้นทุนของการเข้าถึงแหล่งทุนของคนตัวเล็ก สูงกว่านายทุนใหญ่ เพราะต้องกู้ในอัตราดอกเบี้ยแสนโหดสูงถึง ร้อยละ 20 ต่อเดือน เมื่อซ้ำเติมด้วยการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งซ้พเติมคนตัวเล็ก ทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินในการหมุนเวียนธุรกิจขนาดย่อม และการดูแลครอบครัว ที่ต้องใช้เงินมากในช่วงที่ลูกเปิดเรียน
นายประภัสร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหนี้ครัวเรือนของไทยพึ่งสูงขึ้น จากปี 2562 คิดเป็น ร้อยละ 79.9 ต่อ GDP ล่าสุดในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 90.1 ต่อ GDP เราจึงจะเห็นภาพที่ประชาชนที่มีหนี้จนเต็มเพดาน จนขาดสภาพคล่อง สุดท้ายเมื่อหมดหนทาง ต้องพึ่งหนี้นอกระบบอีก รวมถึงคนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบด้วย ทำให้พวกเขาต้องแบกภาระดอกเบี้ยสูง นำเงินส่งดอกเบี้ยเป็นส่วนใหญ่ ซ้ำเติมด้วยการทวงหนี้โหด เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็จะติดกับดักวงจรหนี้ จนไม่สามารถตั้งตัวอย่างมั่นคงได้
“กองทุนเครดิตประชาชน” จะมาช่วยตอบโจทย์ให้แก่ประชาชน โดยจะไม่ต้องกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยสูงอีกต่อไป สามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน ร้อยละ 1 ต่อเดือน เริ่มต้นสามารถกู้ในวงเงิน 5,000 บาท หากรักษาเครดิตได้ จะสามารถกู้ได้สูงสุดถึง 50,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถผ่อนชำระได้ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 3 ปี ซึ่งจะผลักดันได้ทันที หาก น.ต.ศิธา ทิวารี ได้รับเลิอกเป็นผู้ว่า กทม.
นายประภัสร์ เสริมว่า หาก “กองทุนเครดิตประชาชน” เกิดขึ้นใน กทม. จะอยู่คู่กับคนกรุงเทพไปตราบนานเท่านาน เพราะประชาชนคนตัวเล็กจะต้องรักษาแหล่งเงินกู้ที่มีต้นทุนต่ำ และหากเบี้ยวชำระไม่คืนหนี้ พวกเขาจะต้องกลับไปหาการกู้หนี้นอกระบบ ซึ่งจะต้องพบกับวงจรแห่งความเลวร้ายทั้งอัตราดอกเบี้ยโหด และการทวงหนี้โหด
ดังนั้น เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ต้องเลือก น.ต.ศิธา ทิวารี เบอร์ 11 เป็นผู้ว่า กทม. และเลือก ส.ก. พรรคไทยสร้างไทย เพราะพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายด้านเศรษฐกิจของ กทม. ที่ชัดเจนที่สุด และเป็นรูปธรรมที่สุด มีทีมงานที่มีประสบการณ์ ทำได้จริง
นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทย มีความจริงใจกับประชาชน ไม่คิดหลอกลวงคนกรุงเทพ โดยนายประภัสร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้าหากเรื่องง่ายๆ อย่างผู้สมัครที่ชอบประกาศว่า อิสระ แต่จริงๆแล้วไม่ได้อิสระจริง มีพรรคใหญ่หนุนหลัง เรื่องแค่นี้ยังไม่ตรงไปตรงมา แล้วเรื่องใหญ่ๆ ในกทม. ที่มีความซับซ้อน เราจะคาดหวังให้คนพวกนี้ตรงไปตรงมา จริงใจกับประชาชนได้หรือ จึงขอให้คนกรุงเทพต้องพิจารณาให้ดี”
