รถไฟสมัย ร.๕ ใช้มาแล้ว ๑๒๐ ปี – ผักกาดหอม

ชังชาติไปซะทุกเรื่อง!

ท่อนแรปที่สร้างความฮือฮาคือ

 “I didn’t ride the Elephant คนไทยไม่ได้ขี่ช้าง รถไฟฟ้าบีทีเอสก็มีค่ะ subway ก็มี” และ “เสาไฟกินรีต้นละแสนล่ะซิ รถไฟสมัย ร.๕ ใช้มาแล้ว ๑๒๐ ปี”

“มิลลิ” ยังกินข้าวเหนียวมะม่วงโชว์ฝรั่งมังค่าด้วย

ครับมาไล่เรียงกันดู

ประการแรกอย่าเพิ่งเอาการเมืองไปแยกให้ “มิลลิ” อยู่ฝ่ายไหน เพราะมันไม่มีประโยชน์ นอกจากจะสร้างความขัดแย้งไม่รู้จบ

ถูกของ “มิลลิ” ฝรั่งหลังเขาบางคนยังคิดว่าไทยขี่ช้างอยู่ แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยเหลือเกิน คงจะเป็นฝรั่งในยุคที่สื่อสารด้วยโซเชียลที่ไม่สนใจอะไรเลยนอกจากเรื่องของตัวเอง

ถูกของ “มิลลิ” เรามีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เหมือนที่ฝรั่งมี

ฝรั่งไม่มีข้าวเหนียวมะม่วง แต่เรามี

แต่ก็มีจุดที่ “มิลลิ” พลาดอยู่นิดหนึ่ง หรือคนที่แต่งเพลงนี้พลาดข้อมูล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง หากหาข้อมูลเพิ่ม หรือเปลี่ยนวิธีการสื่อสารในเพลงเสียใหม่ จะเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติ

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจึงทำให้งานที่ออกมากลายเป็นงานลวกๆ ทำให้ภาพรวมทั้งหมดไม่ลื่นไหล

รถไฟสมัย ร.๕ ใช้มา ๑๒๐ ปี ไม่มีแล้วครับ

ถ้าจะสื่อสารให้ตรงคือ ประเทศไทยมีรถไฟตั้งแต่สมัย ร.๕ แบบนี้จะเข้าใจได้ง่ายกว่า และตรงข้อเท็จจริงมากกว่า

รถไฟที่ใช้อยู่จนถึงวันนี้ เก่าสุด หลังปี ๒๕๐๐ แล้วครับ

ถ้าเก่ากว่านี้เป็นหัวรถจักรไอน้ำ ซึ่งเหลืออยู่ไม่กี่คัน แต่เป็นของเก่าที่อนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นได้ศึกษา และจะนำใช้เฉพาะในโอกาสสำคัญๆ เท่านั้น

อย่าลืมนะครับ “การอนุรักษ์” คือ หนึ่งในสิ่งสะท้อนว่ามนุษย์เผ่าพันธุ์นั้นๆ มีความเจริญด้านจิตใจแล้วหรือไม่ แค่ไหน

การบอกเล่าของ “มิลลิ” อาจต้องการสะท้อนในส่วนที่ล้าหลัง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงครับ

ระบบรางของประเทศไทยเริ่มต้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งถือเป็นประเทศที่ ๒ ในเอเชียต่อจากอินเดีย

กิจการรถไฟไทยกับญี่ปุ่นก่อตั้งมาใกล้เคียงกัน นับอายุก็ปาเข้าไปจะ ๑๓๐ ปีอยู่รอมร่อแล้ว แต่ปัจจุบันระบบรางของเราห่างไกลกับญี่ปุ่น และชาติอื่นในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน เป็นอย่างมาก

กำเนิดรถไฟไทยบางสายเพื่อต่อสู้กับการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก เรื่องแบบนี้คนรุ่นหลังต้องศึกษา หาไม่แล้วก็จะคิด จะพูด ทำจะแต่เรื่องฉาบฉวย

ข้อมูลที่ควรรู้ครับ…

กิจการรถไฟซึ่งได้เริ่มตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๓๙ จนกระทั่งสิ้นรัชสมัยของพระองค์ในปี พ.ศ.๒๔๕๓ มีทางรถไฟที่เปิดใช้เดินรถรวมทั้งสิ้น ๙๓๒ กิโลเมตร และกำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จอีก ๖๙๐ กิโลเมตร

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ มีทางรถไฟที่เปิดใช้ทั้งหมด ๒,๕๘๑ กิโลเมตร และอยู่ในระหว่างก่อสร้างอีก ๔๙๗ กิโลเมตร

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระองค์ทรงดำเนินรัฐประศาสโนบายในการบำรุงการคมนาคมเช่นเดียวกับรัชกาลก่อนๆ

แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังปั่นป่วน ดังนั้นการก่อสร้างทางรถไฟสมัยนี้จึงเป็นไปได้อย่างล่าช้า โดยมีทางรถไฟเพิ่มขึ้นใหม่อีก ๔๑๘ กิโลเมตร

จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงการปกครอง สิ่งที่รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ทำคือ เปลี่ยน “กรมรถไฟหลวง” เป็น “การรถไฟแห่งประเทศไทย”

การพัฒนารถไฟไทยหลังจากนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง เพราะการคอร์รัปชัน และการขาดทุนขององค์กร

ผ่านมาหลายรัฐบาล กระทั่งรัฐบาลจากการรัฐประหาร นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิรูประบบรางของประเทศครั้งใหญ่อีกครั้ง

ใน กทม.มีรถไฟเพิ่มอีกหลายสาย

ต่างจังหวัดมีรถไฟรางคู่

ซื้อหัวรถจักรใหม่

ตู้โดยสารใหม่

สถานีรถไฟใหม่ เป็นชานสูงทั่วประเทศ

ชานสูงคืออะไร?

คือรถไฟมาถึงก็ก้าวเข้าสู่ตู้โดยสารรถไฟได้ทันที ไม่ต้องปีนบันไดเหมือนในอดีต คนขอนแก่นรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร

เพราะสายอีสานเสร็จและเปิดให้บริการหลายสถานีแล้ว

ส่วนรถไฟความเร็วสูงสร้างไปเยอะแล้ว

เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันยังมีความเข้าใจผิดว่าสร้างไปแค่ ๓.๕ กิโลเมตร

๓.๕ กิโลเมตร ที่ว่าคือการทำคันดินเพื่อสร้างราง เป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีน ช่างไทยต้องเรียนรู้ เพราะไม่เคยทำ

เรื่องเสาไฟกินรีต้นละแสน แฉกันเยอะๆ ครับ เพราะน่าจะมีอีกไม่น้อย แต่เด็กอย่าเข้าใจผิดว่าเพิ่งจะมีในรัฐบาลนี้

เรื่องโกงมันเป็นสันดานของนักการเมืองมานาน ทั้งระดับชาติ ระดับท้องถิ่น

ถ้าเปรียบเสาไฟกินรี กับทุจริตจำนำข้าว คดีที่ บุญทรง เสี่ยเปี๋ยง ติดคุก คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร ที่สร้างแล้วปล่อยร้าง จะเห็นได้ชัดเจนว่า มีเรื่องโกงอีกเยอะสามารถนำไปแรปให้ฝรั่งฟังได้

พวกนี้มันโกงโดยสันดาน

โกงกันมาเป็นศตวรรษ

เด็กรุ่นใหม่ โตมาช่วง ๘ ปีรัฐบาลประยุทธ์ และเห็นอะไรเยอะในช่วงนี้  ก็อย่าเพิ่งทึกทักว่าเปลี่ยนรัฐบาลแล้วมันจะหมดไป

เสาไฟกินรี กินฟรี ก็จะยังมีต่อไปครับตราบเท่าที่นักโกงเมืองยังกระสันเข้าสู่อำนาจ

การพัฒนาประเทศ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้เพราะมีรัฐบาลที่ดี

แต่ส่วนสำคัญคือ ต้องมีพลเมืองที่มีคุณภาพด้วย

คงไม่ต้องขยายความเยอะว่าพลเมืองมีคุณภาพคืออะไร

แค่รู้หน้าที่ รู้สิทธิ รู้ในข้อเท็จริงเพื่อประเมินเรื่องราวที่เจอในชีวิตประจำวันได้ถูกต้อง

มาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพกันนะครับ