ผักกาดหอม
ก็เห็น ก้าวไกล ก้าวหน้า ออกแคมเปญ “ทวงคืน” กันสารพัด
ทวงคืนพัทยา
ทวงคืนสนามหลวง
พอถูก “ทวงคืนผืนป่า” บ้าง โวยกันลั่น หาว่ากลั่นแกล้งทางการเมือง
วานนี้ (๑ เมษายน) เจ๊สมพร แม่ธนาธร โอดครวญว่าเสียใจอย่างมากที่สังคมและสื่อต่างๆ ไปพาดหัวว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจรุกที่ป่า กินป่า
ว่ากันตามจริง หากไม่มีพฤติกรรมที่จะทำผิดกฎหมาย ก็น่าเสียใจอยู่ครับ กับการตั้งข้อกล่าวหา รุกที่ป่า กินป่า
แต่เมื่อของที่ได้มาถูกพิสูจน์ว่าผิดกฎหมาย มันก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อกฎหมาย
เท่าที่ “เจ๊สมพร” ชี้แจงว่า ไม่ใช่ผู้ซื้อมือแรก
เอกสารสิทธิที่ดินออกตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ โดยกรมที่ดิน มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองถูกต้องทุกอย่าง
ต่อมาในปี ๒๕๓๓ ได้รับการแนะนำจาก สมัคร สุนทรเวช ให้ซื้อที่ดินจากบริษัทมิตรผล ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่ง กมล ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทมิตรผล ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ รู้จักกันดี
เมื่อทั้งเจ้าของและผู้แนะนำให้ซื้อเป็นคนที่น่าเชื่อถือ จึงไม่คิดเลยว่าที่ดินดังกล่าวจะผิดกฎหมาย
“เจ๊สมพร” ยืนยันว่าครอบครัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ น.ส.๓ ก ไม่มีอำนาจบารมีไปบังคับ ข่มขู่ ให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิให้
“ดิฉันมีที่ดินผืนนี้มา ๓๐ ปีไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด ส่วนตัวฉันเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า กินป่า เป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีใหญ่โต ฉันยืนยันตรงนี้ว่าที่ผืนนี้ ถึงจะซื้อมาถูกกฎหมายทุกประการ มีเอกสารสิทธิเรียบร้อย แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐบอกว่าผิด จะเพิกถอน ฉันไม่มีปัญหา แต่ต้องไปพิสูจน์ถูกผิดกันตามกฎหมาย ถ้าออกมาว่าเป็นป่าจริง ฉันยินดีคืนที่ให้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าครอบครัวฉันโกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด”
ครับ…อย่างที่บอก ฟังแล้วก็น่าเห็นใจ เพียงแต่ “เจ๊สมพร” ต้องยอมรับความจริงในบางประการ
ในทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าพื้นที่ป่าอยู่ตรงไหน รุกป่าหรือไม่ มีการใช้รูปถ่ายทางอากาศ การรังวัดที่ละเอียด
ที่ดินที่ จึงรุ่งเรืองกิจ ถือครองเป็นแปลงใหญ่
เป็นที่ดิน น.ส.๓ ก. รวม ๖๐ ฉบับ ในพื้นที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
แบ่งตามนี้
๑.น.ส.๓ ก. ในชื่อ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน ๕๓ ฉบับ เนื้อที่ ๑,๙๔๐-๓-๙๓ ไร่
๒.น.ส.๓ ก. ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาวนายธนาธร จำนวน ๕ ฉบับ เนื้อที่ ๑๓๒-๐-๒๒ ไร่
๓.น.ส.๓ ก. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน ๒ ฉบับ เนื้อที่ ๘๑-๓-๖๗ ไร่
ชาวสามนิ้วที่ชอบโอดครวญว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูง นายทุน นักการเมือง มักกว้านซื้อที่ดินไว้ในครอบครองจำนวนมาก นี่ก็หนึ่งตัวอย่าง
แต่ระบบทุนนิยม นายทุนซื้อที่ดินไม่ใช่เรื่องผิด หากที่ดินนั้นพิสูจน์แล้วว่าถูกกฎหมาย
อีกสิ่งที่ “เจ๊สมพร” ต้องยอมรับ จะมองว่ากลั่นแกล้งทางการเมืองก็ได้ แต่แท้จริงแล้วมันคือการตรวจสอบบุคลที่เข้าสู่การเมือง
ไม่ใช่มีเพียง “ธนาธร” ที่โดนเรื่องนี้
นักการเมืองชั้นเอกที่หนึ่งถูกตรวจสอบมาแล้วหลายคน
ต่อให้เป็นเรื่องเมื่อ ๓๐ หรือ ๕๐ ปีที่แล้ว หากเป็นประเด็นที่ส่อผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม ถูกขุดมาตรวจสอบกันนับไม่ถ้วน
การตรวจสอบนักการเมืองมีความจำเป็นครับ เพราะคนพวกนี้คือผู้ที่จะเข้าไปใช้อำนาจรัฐ หากมีประวัติไม่โปร่งใส ก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลม
ดูกรณีใกล้เคียงเป็นตัวอย่าง นั่นคือกรณี ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ป่าและที่ ส.ป.ก.๔-๐๑ เรื่องไม่ได้เกิดเมื่อวาน
“ทวี ไกรคุปต์” บอกว่ามีนายหน้านำมาเสนอขายให้ แยกเป็น ๓ แปลง
แปลงแรก ซื้อเมื่อปี ๒๕๑๖
ต่อมา ปี ๒๕๑๙ ซื้ออีก ๓ แปลง
“เจ๊สมพร” ซื้อมา ๓๐ ปี
แต่ “ทวี” ซื้อเมื่อ ๔๙ ปีที่แล้ว
ฉะนั้นมันไม่เกี่ยวครับ ถ้าเป็นความผิด ผ่านมาแล้วกี่ปีมันก็ผิดวันยังค่ำ
ถ้าอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แล้วคดีของ “ปารีณา” ที่เป็น ส.ส.พรรครัฐบาล จะอ้างว่าอะไรดี
ยัดคดี?
มันไม่สมเหตุสมผลครับ
วันนี้ “ปารีณา” ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถามว่าถูกกลั่นแกล้งหรือเปล่า
หรืออย่างกรณีที่ดินเขายายเที่ยง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ถูกตรวจสอบเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ที่ดินซื้อขายกันมาหลายทอด กระทั่งปี ๒๕๔๕ มีหลักฐานว่าผู้ยื่นเสียภาษีบำรุงท้องที่ ในที่ดินดังกล่าว คือภรรยาของ พล.อ.สุรยุทธ์
ปี ๒๕๕๒ อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์ เนื่องจากไม่มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย
นำไปสู่การรื้อถอนทรัพย์สินออกทั้งหมด
พล.อ.สุรยุทธ์ ยังต้องถูกตรวจสอบ
แล้ว “ธนาธร” เป็นใครมาจากไหน ถึงตรวจสอบไม่ได้
ที่ “เจ๊สมพร” โวยว่าลูกโดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด มันก็เกินไป
คดียุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทธิทางการเมือง เพราะพฤติกรรมของ “ธนาธร” น่าสงสัย ไม่ตรงไปตรงมาในหลายประเด็น
กรณีที่ดิน จังหวัดราชบุรี “เจ๊สมพร” แกก็รู้แต่แรกแล้วว่า อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรืออาจจะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
สำนักข่าวอิศรา เคยนำบันทึกถ้อยคำของ “เจ๊สมพร” มาเผยแพร่
“ตามที่ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายได้ยื่นคำขอจดทะเบียนและนิติกรรม ขาย ที่ดิน แปลงเครื่องหมายดังกล่าวข้างบนนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบแล้วว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรืออาจจะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามหนังสือกรมที่ดินที่ มท.๐๗๐๐/ว.๒๐๖๔ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ เรื่องการจดทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินที่ยังมีปัญหาสงสัยว่าหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นจะออกไปโดยไม่ชอบ ข้อ ๒ ความว่า ‘ถ้าเป็นกรณีที่ยังมีปัญหาหรือข้อสงสัยว่าการออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินนั้นได้ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้มีอำนาจในการสั่งแก้ไขหรือเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินยังพิจารณาไม่ยุติ ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใดๆ ต่อไปได้ แต่ก่อนจดทะเบียนให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้คู่กรณีทราบถึงเหตุที่หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินนั้นอาจจะถูกแก้ไขหรือเพิกถอน หากคู่กรณีทราบแล้วแต่ยังประสงค์จะจดทะเบียนก็ให้บันทึกถ้อยคำไว้แล้วจดทะเบียนต่อไปได้’
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายทราบข้อความข้างต้นแล้ว และที่ดินแปลงดังกล่าวนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรืออาจจะไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงอาจจะถูกแก้ไขหรือเพิกถอนได้ ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย หากมีการแก้ไขหรือเพิกถอนหรือเกิดการเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ เกี่ยวกับที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองฝ่ายขอรับผิดชอบเองทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและทางราชการที่จะต้องรับผิดชอบแต่อย่างใด”
ครับ…มันมีปัญหามาตั้งแต่ตอนที่ซื้อแล้ว
และ “เจ๊สมพร” ก็รู้ดี แต่ยังซื้อ
แบบนี้มันหมายความว่าไง?
ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ไทยโพสต์ และสำนักข่าวอิศรา
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า