ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
สื่อกำลังทำอะไรกับเราในการจากไปของคุณแตงโม
นี่..นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ตั้งเป็นหัวข้อ ก่อนที่จะละเลงต่อว่า.. “รู้สึกเศร้าใจกับการทำงานของสื่อมวลชนในกรณีการเสียชีวิตของคุณแตงโมที่ขายข่าวโดยdramaเรื่องราว ต่างๆไปจนเกินเหตุ
• น่าเห็นใจ ครอบครัวและผู้ใกล้ชิดที่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวในท่ามกลางความเศร้าโศกจากการสูญเสีย
• น่าตกใจ ที่บุคคลต่างๆในเรือตกเป็นจำเลยและถูกตีตราไปแล้ว โดยไม่รู้ว่าผิดจริงหรือไม่
• น่าผิดหวัง กับระบบยุติธรรมที่ตำรวจกลายเป็นส่วนหนึ่งของdrama และกระบวนการขายข่าว
• น่าเป็นห่วง ที่สังคมเสียเวลาไปกับสื่อหลักและสื่อสังคมมากมายในการติดตามข่าวที่ถูกทำให้dramaเหล่านี้ ท่ามกลางวิกฤติโลกและประเทศที่กำลังรุนแรง
ทั้งๆที่เรื่องนี้เองหากให้สังคมได้ประโยชน์ก็ยังมีเรื่องราวอีกมากที่น่าทำข่าว เช่น ปัญหาการจราจรและอุบัติเหตุทางน้ำ การจัดการกับเรือที่ใช้ความเร็วสูง
การควบคุมการดื่มสุราระหว่างการขับและโดยสารเรือซึ่งแย่กว่าการจราจรทางบกและอากาศมาก
สื่อทั้งหลายโปรดหยุดสักทีเถิดครับที่จะนำโศกนาฏกรรมของเธอและความทุกข์ของครอบครัวมาขายข่าวแบบนี้
สื่อสังคมช่วยกัน 2 ไม่ (ไม่ผลิต ไม่ส่งต่อข่าวที่ไม่สร้างสรรค์) และ 1 เตือน (ช่วยกันสะท้อนความผิดปกติเหล่านี้)
ขอให้การจากไปของเธอไม่เป็นเพียงละครเรื่องหนึ่ง แต่ทำให้สังคมเรียนรู้ปัญหาอุบัติเหตุการจราจรทางน้ำ และที่สำคัญเช่นกันคือปัญหาการสื่อสารในสังคมไทย
เรายังมีความหวังนะครับลองตั้งสติและโปรดช่วยกัน 2 ไม่ 1 เตือน”
ก็..น่าจะมีทั้งคนที่เห็นด้วย และเห็นต่าง อย่างผมในฐานะ “สื่อหลัก” เห็นจะต้องบอกตามตรงล่ะว่า การเสียชีวิตของดาราสาวแตงโมครั้งนี้..
สื่อได้ทำหน้าที่ไปตามกระแสความสนใจของสังคม เพื่อค้นหาความยุติธรรมให้ผู้ตายด้วยทุ่มเท!
และเหตุที่สังคมสนใจ-ติดตาม ก็เกิดจากการที่บุคคลบนเรือนั่นแหละมีพฤติกรรมทำลับๆล่อๆชวนให้สงสัย ก่อนที่จะกลายเป็น “จำเลยสังคม” ในเวลาต่อมา
สื่อไม่เห็นจะไปละเมิดความเป็นส่วนตัวของใครเลย มีแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างหากที่วิ่งเข้าหาสื่อเพื่อพยายามจะอธิบายกับสังคมจะเพื่ออะไรก็สุดแท้
ไม่งั้น คงไม่ไปนั่งให้คุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ซัก-สอบในรายการโหนกระแสด้วยเต็มอกเต็มใจกันอย่างที่ปรากฏเห็น
ส่วนถ้าจะมอง สื่อฉกฉวยหาประโยชน์โพดผลจากข่าวนี้ ผมเห็นจะไม่เถียง และที่ผู้จัดการออนไลน์นำบางถ้อยคำของคุณหนุ่ม กรรชัย ที่ได้เผยกลางรายการข่าวใส่ไข่ ช่องไทยรัฐทีวี..
“ขอพูดตรงๆ เลย จริงๆ แล้วเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น สงสารแตงโมที่สุด พูดแบบโคตรจริงเลยนะ มันเหมือนสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่ มีเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ทุกคน
บางคนหาแสงจากเรื่องแตงโม บางคนหาเงินจากเรื่องแตงโม บางคนหาความโด่งดังจากเรื่องแตงโม แม้แต่สื่อก็หาเรตติ้งจากเรื่องแตงโม
นี่เราปฏิเสธไม่ได้ นี่เราคุยแบบไม่ตอแหลกัน ทุกคนหาผลประโยชน์จากเรื่องแตงโม
แต่คนเดียวที่ไม่หาผลประโยชน์จากเรื่องแตงโม คือ “เบิร์ด” แฟนแตงโม เพราะคุยกับเขาลึกเลย เขาไม่เอาด้วย เขาเป็นคนโคตรดี นี่เราคุยแบบไม่ต้องตอแหลกันนะ แล้วอย่ามาปฏิเสธว่าไม่ใช่
เราทำงานก็ยอมรับว่าทำไมทำเรื่องแตงโม เพราะคนดู มีเรื่องเรตติ้ง ทุกช่องใครไม่เล่น ก็ต้องเล่น เป็นคดีใหม่ คดีอิมแพ็ก ทุกคนต้องตามหา
คนรอบข้างแตงโมเองก็ต้องถามตัวเองดูว่าวันนี้กำลังทำอะไรอยู่ บางคนบอกว่าแสดงความจริงใจ แต่ก็แฝงไว้ด้วยการขายของก็มี ผลประโยชน์ไหม”
ก็..ถือเป็นการสารภาพตรงๆจากสื่อ (หลัก) และเมื่อได้ผลประโยชน์ทั่วหน้าแล้ว จะไปติดแฮชทง-แฮชแทกทิ่มแทงใจกันไปทำไม..
ต่างคนต่างทำประโยชน์ (ให้ตัวเอง) จะไม่ดีกว่าหรือ?
เอ้า..หอนต่อไป อย่าท้อ!
