ผักกาดหอม
ใจเย็นๆ
กองเชียร์กองแช่งทั้งหลาย ควรจะเสพเรื่องราวด้วยข้อเท็จจริง
ไม่ใช่พอ คนละพวก ต้องผิดสถานเดียว หรือถ้า พวกเดียวกัน ต้องถูกทุกเรื่อง
คิดแบบนั้น ทำแบบนั้น มันจะอยู่ด้วยกันไม่ได้
จะขัดแย้งกันไปทุกเรื่อง
ครับ…เรื่องที่ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแบบไม่ลงมติ ถึงประเด็นตั๋วช้างภาค ๒
ตั้งหัวข้อ “ตำรวจเลวได้ดี ตำรวจดีต้องลี้ภัย” กับเรื่องราวของ พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าคดีค้ามนุษย์ ที่อยู่ดีๆ ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ
ประการแรกใช้ชื่อ ตั๋วช้างภาค ๒ มีเจตนาทางการเมืองค่อนข้างชัดเจนว่า เป้าหมายที่พรรคก้าวไกลต้องการเล่นงานนั้นสูงพอสมควร
สูงขนาดไหน โซเชียลในเครือข่ายพรรคก้าวไกล เลยเถิดโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
พรรคก้าวไกลอาจปฏิเสธได้ว่า ไม่เกี่ยวข้อง แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่ชี้แจงใดๆ ในเครือข่ายของตนเอง ปล่อยให้มีการเข้าใจผิด คล้ายๆ กับหลายกรณีที่ผ่านๆ มา
ส่วนกองเชียร์ลุงตู่ ควรจะฟังให้ได้ศัพท์ก่อน อย่าตั้งหน้าตั้งตา โจมตีไปที่ พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง
การค้ามนุษย์ในประเทศไทย มีมานานหลายๆ รัฐบาลแก้ไขไม่ได้ บางรัฐบาลไม่สนใจ สุดท้ายประเทศมหาอำนาจใช้เป็นเงื่อนไขบีบบังคับทางเศรษฐกิจ
รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ในไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จัดทำโดยรัฐบาลอเมริกา คือสิ่งที่คนไทยทุกฝ่ายควรเข้าไปค้นหาว่า ข้อเท็จจริงคืออะไร
โดยเฉพาะกองเชียร์กองแช่งของแต่ละขั้วการเมือง!
ปัญหามันไม่ได้เกิดเพราะประเทศไทยมีรัฐประหาร หรือเพราะไม่เป็นประชาธิปไตย
แต่เพราะทุกรัฐบาล มีข้าราชการขี้ฉ้อ นักการเมืองคอร์รัปชัน นายทุนหน้าเลือด การค้ามนุษย์จึงเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายรัฐบาล
รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ในไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ บอกเอาไว้แบบนี้ครับ
…ประเทศไทย บัญชีกลุ่มที่ ๓ (เทียร์ ๓)
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทุจริตทั้งสองฝั่งชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอำนวยความสะดวกให้แก่การลักลอบนำแรงงานที่ไม่มีเอกสารเข้าประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว พม่าและกัมพูชา โดยแรงงานเหล่านี้ต่อมากลายเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
รายงานปี พ.ศ.๒๕๕๓ ฉบับหนึ่งพบว่า ประมาณร้อยละ ๑๗ ของแรงงานบนเรือประมงที่ทำการสำรวจและที่ได้ทำงานบนเรือประมงระยะใกล้โดยทำงานบนเรือน้อยกว่าหนึ่งเดือนผ่านประสบการณ์ถูกบังคับใช้แรงงาน โดยมักมีสาเหตุจากถูกข่มขู่ทางการเงิน เช่น จะไม่ได้รับเงินค่าจ้างเต็มจำนวนจากงานที่ได้ทำไปแล้ว
รายงานการค้ามนุษย์ปี พ.ศ.๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ ประเทศไทยได้รับการยกเว้นจากการถูกลดระดับเป็นกลุ่มที่ ๓ ต่ออีก จากรัฐบาลได้เสนอแผนเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ กฎหมาย Trafficking Victims Protection Act (TVPA) กำหนดให้ประเทศได้รับการยกเว้นจากการถูกลดระดับสูงสุดไม่เกินสองปีติดต่อกัน ซึ่งประเทศไทยไม่มีสิทธิดังกล่าวแล้ว ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงถูกพิจารณาว่าไม่ได้มีความพยายามอย่างมีนัยสำคัญที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำ และจึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ ๓…
ครับ…รายงานท่อนนี้จะเห็นว่า การหล่นสู่ เทียร์ ๓ เป็นปัญหาหมักหมมมานานหลายรัฐบาล
แม้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะเสนอแผนเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่ก็มีแค่แผน ไม่มีการลงมือปฏิบัติให้เห็นผลอย่างจริงจัง
รัฐบาล คสช. จึงกลายเป็นรัฐบาลที่ต้องมารับผิดชอบ เพื่อไม่ให้การค้าการลงทุนระหว่างประเทศของไทยเข้าสู่หายนะ
ย้อนกลับไปปี ๒๕๕๘ หลังค้นพบค่ายกักกันโรฮีนจาบนเทือกเขาแก้ว อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา คาดว่าค่ายกักกันแห่งนี้สามารถจุคนได้ถึง ๑ พันคน
นี่คือการตอกย้ำว่าขบวนการค้ามนุษย์ ฝังรากลึกมานาน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นไม่มีทางเลือกอื่น หากไม่อยากให้เศรษฐกิจชาติดิ่งเหวหนักเข้าไปอีก จึงได้ประกาศให้ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้ง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ เป็น หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม
สามารถออกหมายจับตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องมากมายถึง ๑๕๓ ราย
ในจำนวนนี้เข้ามอบตัวและจับกุมทั้งสิ้น ๙๑ ราย
แยกเป็นพลเรือน นักการเมืองท้องถิ่น เศรษฐี คหบดี
มีทหาร ๖ นายนำโดย พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
และตำรวจอีก ๔ นาย
นี่กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์
โดยเฉพาะ พล.ท.มนัส คงแป้น ศาลพิพากษาว่ามีความผิดมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นข้าราชการต้องรับโทษสองเท่า ให้จำคุก ๘ ปี ฐานค้ามนุษย์อายุเกิน ๑๘ ปี ค้ามนุษย์ตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไป เป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดการค้ามนุษย์ให้รับโทษสองเท่า จำคุก ๑๒ ปี ฐานสมคบกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปเพื่อการค้ามนุษย์อายุเกิน ๑๘ ปี ให้จำคุก ๖ ปี ให้ที่พักพิงต่างด้าวจำคุก ๑ ปี
แต่รวมแล้วโทษจำคุก พล.ท.มนัส ๒๗ ปี
หลังจากนั้นเกิดความผิดพลาดที่ ยังไม่มีใครให้คำตอบได้
พล.ต.ต.ปวีณ โดนคำสั่งโยกย้ายให้ไปประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.)
กลับกันนายตำรวจระดับ ผบก.และรอง ผบก.ที่เข้าข่ายบกพร่องปล่อยให้พื้นที่มีขบวนการค้ามนุษย์อย่างรุนแรงกลับได้รับการสนับสนุนได้เลื่อนชั้นไปอยู่ในท้องที่เกรด A+
มันเกิดอะไรขึ้น?
และเป็นสาเหตุให้ พล.ต.ต.ปวีณ ขอลี้ภัยไปที่ออสเตรเลีย เพราะเกรงว่าไม่ปลอดภัย
ครับ…ปูพื้นมา จะเห็นจุดเปลี่ยน
ในวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ พล.ต.ต.ปวีณ กลับมาบอกว่าใครเป็นผู้ข่มขู่ จะจับมาดำเนินคดี ไม่ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใดก็จะลงโทษให้หมด ใครผิดใครถูกยังไม่รู้ ต้องมาตรวจสอบกันก่อน
แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ความคลุมเครือเรื่อง ปลาใหญ่ จึงสืบเนื่องมาถึงวันนี้
ปลาใหญ่มีจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงทำไม พล.ต.ต.ปวีณ ต้องแลกด้วยการลี้ภัย
รัฐบาล คสช.ตั้งใจแก้ปัญหาการค้ามนุษย์จริงหรือไม่ พิสูจน์ได้จากการขยับจากเทียร์ ๓ เป็นเทียร์ ๒
แน่นอนในทางการเมือง ไม่ว่าพรรคการเมืองไหนมาจับเรื่อง พล.ต.ต.ปวีณ ภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชนจะดูดีขึ้นมาทันที แม้จะพิสูจน์ได้ว่าทำไปเพื่อหวังผลทางการเมืองก็ตามที
แต่เรื่องนี้ควรจะอยู่กับข้อเท็จจริง แม้แต่ตัว พล.ต.ต.ปวีณ เอง ก็ต้องให้ข้อเท็จจริงที่ไม่อิงกับการเมือง ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะบิดเบี้่ยวไปหมด
ประเทศไทยยุครัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ที่ว่ากันว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ถูกฟ้องโดยรายงานของรัฐบาลอเมริกามาแล้วว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ได้
ส่วนรัฐบาลรัฐประหาร อย่างน้อยก็แก้ปัญหาขยับจากเทียร์ ๓ ขึ้นเทียร์ ๒ ได้
แต่น่าเสียดาย รัฐบาล คสช.กลับไม่ชัดเจนเรื่องการย้ายนายตำรวจที่อื้อฉาวจากกรณีการค้ามนุษย์ไปตำแหน่งใหม่ที่อู้ฟู่กว่าเดิม
และไม่ชัดเจนว่าทำไมต้องย้าย พล.ต.ต.ปวีณ ไป ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
การถอยกลับไปแก้ไขมีทางเดียวคือ ทุกฝ่ายต้องพูดความจริง
ที่สำคัญ การเมือง ต้องไม่เข้าไปสร้างปัญหาเพิ่ม
เพราะการเมืองไม่ว่าฝ่ายไหนที่ฉวยเอาการค้ามนุษย์มาเป็นเครื่องมือ ก็ไม่ต่างจากค้ามนุษย์เสียเอง