เปลว สีเงิน
คนจริง “เพื่อบ้านเพื่อเมือง” มีมาก
แต่คนหนึ่งที่ผมต้องยอมรับนับถือทั้งกายและใจคือ “ไอ้ตี๋หัวลำโพง” คนนั้น
เมื่อ ๖๐ ปีก่อน เรียกกันว่า “เหลี่ยงทง”
แต่ที่เป็นวันนี้ คือ “พลตรี นพ.เหรียญทอง แน่นหนา” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ย่านแจ้งวัฒนะ
คนเรานั้น เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกเป็นได้
เมื่อเลือกเป็นแล้ว ที่เป็น “มันต้องชัดเจน”!
คุณหมอเหรียญทองท่านชัดเจน ทุกการกระทำ “เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเพื่อพี่น้องไทย” ที่ “หัวใจเพื่อแผ่นดิน” ทุกคน
คนที่ชัดเจน…..
ไม่เนรคุณแผ่นดิน ไม่กระดิกหางให้กับเงินโกงเอามาแบ่งกัน อย่างที่ไอ้ชาติชั่วหลายๆ ตัวกระดิกเลียตีนกันอยู่
คนอย่างนี้ ไม่ทองแค่เหรียญ หากแต่ทองทั้งตัว-ทั้งหัวใจ รักได้ นับถือได้ กราบไหว้ได้
ฝากชาติ ฝากแผ่นดิน ให้รักษาเป็นมรดกตกทอดไปถึงลูกหลานไทย “รุ่นสู่รุ่นได้”
รุ่นเก่า-รุ่นแก่ ใกล้หมดอายุขัยอย่างผม
ตายก็ยังยิ้มเผล่!
เมื่อวาน ๒๘ กรกฏาคม “วันเฉลิมพระชนมพรรษา” พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ ๑๐ คุณหมอเหรียญทองโพสต์
“เราจะถือเอาวันที่ 28 ก.ค.64 …เป็นวันมหามงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อเป็นฤกษ์ชัยให้แก่หน่วยปฏิบัติการ รพ.สนามพลังแผ่นดินแห่งที่ 3
ที่มีชื่อว่า ‘รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี’ ณ คลังสินค้าขาออกที่ 4 ท่าอากาศยานดอนเมือง
‘รพ.สนามใต้ร่มพระบารมี’ เกิดขึ้นจากการรวมพลัง 4 ฝ่าย ประกอบด้วย
บมจ.ท่าอากาศยานไทย กระทรวงคมนาคม, กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง, รพ.มงกุฎวัฒนะ และจิตอาสาพลังแผ่นดิน
พวกเราพร้อมใจ รวมพลัง แข่งกับเวลา แลกกับชีวิตผู้ป่วยที่เป็นเดิมพันในสถานการณ์สาธารณภัยโรคระบาด
เราไม่มีพิธีการเปิดเอิกเกริกใหญ่โต
เพราะยังต้องทดสอบระบบงานทั้งด้านการแพทย์และการสนับสนุน ทั้งความเรียบร้อยอื่นๆ
ดังนั้นในวันที่ 28 ก.ค.64 นี้ เราจะยังไม่รับผู้ป่วยในทันทีนะครับ
เมื่อใดก็ตาม ที่เราตรวจสอบความพร้อมจนเป็นที่แน่ใจได้ว่า ทุกชีวิตจะได้รับการรักษาที่เชื่อถือได้แล้ว เราจะปฏิบัติการ รพ.สนามทันที
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
หัวโจกพลังแผ่นดิน
#ประเทศไทยต้องชนะ
ครับ…..
ประเทศเราตอนนี้ ไม่ต่างเข้าสู่ภาวะสงคราม เพียงแต่คู่ศึกเปลี่ยนจากคนเป็นโรคระบาดที่เรียกโควิดเท่านั้น!
ยามข้าศึกตีกระหน่ำ ทัพแพทย์-พยาบาล รบรักษาชีวิตประชาชนสุดใจขาดดิ้น
ในแนวรบเดลตา แพทย์-พยาบาล ยันสถานการณ์ถึงขั้น “รบประจัญบาน” ต่อเนื่องมา ๖ เดือนเต็มๆ แล้ว
ขณะที่ แพทย์/พยาบาล รบขั้นพลีชีพ
แต่แนวหลัง คือประชาชน บ้างส่งกำลังบำรุง บ้างส่งกำลังใจ บ้างตื่นตระหนกกลัวตาย โวยวาย พร่ำบ่น ก่นด่า ตามจริตแต่ละคน
นั่นก็เข้าใจได้……..
แต่ที่ไม่เข้าใจ ก็คือ มีไทยส่วนหนึ่ง “รุ่นใหม่สามนิ้ว” นอกจากไม่ช่วยอะไรทั้งสิ้นแล้ว
ยังฉวยโอกาส สร้างเหตุ-สร้างปัญหา กระหน่ำซ้ำเติมเข้าไปในสถานการณ์
หวังใช้ความป่วย-ความตายของคนจากโรคระบาดเป็นเครื่องมือ “ล่มชาติ-ล่มสถาบัน”
ถึงขั้นไปยืนฟ้องต่างชาติหน้าสถานทูต ประจานบ้านเมืองตัวเอง
หมายังสำนึกในบุญคุณเจ้าของ แต่รุ่นใหม่สามนิ้ว “คนแท้ๆ” กลับไร้สำนึก
บางคนในภาพหมอ ลักษณะเพิ่งหย่านม ขณะที่แพทย์-พยาบาล กระทั้งครูบาอาจารย์แพทย์ ประจำการสนามรบ แต่ตัวเอง มาลอยหน้าใช้ลิ้นที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยืนอ่านฉอดๆๆๆๆ ฟ้องประเทศตัวเองกับต่างชาติ!
บัดซบที่สุด!
ไอ้วัคซีน mRNA ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ที่โหยหา ต้องเอามาฉีดให้ได้ ฝรั่งปันเศษให้มา ก็ถือเป็นเหตุไปฟ้อง คูคับ..คูคับ ไอ้นั่นมันจะแย่งไปกินคับ นั่นน่ะ
ถามจริงๆ เถอะ….
ทำไมเพิ่งฉลาดเอาตอนนี้ ว่า mRNA อย่างไฟเซอร์ โมเดอร์นา เท่านั้น คือวัคซีนเทพ
อย่างอื่นเป็นวัคซีนสถุล?
ตอนปี ๖๓ ก่อนไวรัสสายพันธุ์เดลตามา จุกนมยังคาปาก เลยฉลาดไม่ทันว่าโลกนี้ มันจะมีสายพันธุ์ดุร้ายเปลี่ยนหน้ามาเรื่อยๆ อย่างนั้นใช่มั้ย?
“เชื้อรุ่นแรก” ซิโนแวคมา ก็ไม่เห็นหมอเก่า-หมอใหม่คนไหน แแหกปากบอกว่า “เชื้อตาย” ไม่ดี ใช่ไม่ได้ ไม่เอา ต้องเชื้อเป็น mRNA อย่างเดียว เลยซักคน!?
เห็นแต่บอก….
“ด่านหน้าต้องฉีดก่อน” ทั้งนั้น ซึ่งก็ถูกต้อง
ถึงตอนนี้ โรคมันพัฒนาเหนือวัคซีนเดิมๆ ขึ้นไป มาใหม่ร้ายกาจกว่าเดิมชื่อเดลตา และเชื่อเถอะ มันจะร้ายยิ่งขึ้นมีมาเรื่อยๆ
มันก็ธรรมดา มือถือ ๓ เดือน ๖ เดือน ยังตกรุ่น นับประสาอะไรกับวัคซีนเชื้อตาย อย่างซิโนแวค ซิโนฟาร์ม
ไวรัสมันอัพเกรดหนี …..
แต่ใช่ว่า ซิโนแวค จะหมดน้ำยาไปเลย มันก็ยังใช้ได้ในระดับหนึ่ง
“ลุงยง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสของเรา ซึ่งโด่งดังระดับโลก ท่านก็คิดค้น-วิจัย ฉับพลัน
ได้ “สูตรต้มยำ” ออกมาทันควัน
ฉีดซิโนแวค “เชื้อตาย” สองเข็ม แล้วบูสเตอร์ด้วย “ไวรัล เวกเตอร์” แอสตร้า เซนเนก้า อีก ๑ เข็ม ภูมิต้านพุ่งพรวด!
เมื่อของเรามีอยู่ ก็ใช้สูตรต้มยำไป
จะสั่งวัคซีน mRNA ในรุ่นต่อๆ ไป เมื่อเห็นว่า ดีกว่า-เจ๋งกว่า ก็สั่งไป ใครจะว่าอะไร และอย่าลืม ในโลกตอนนี้ วัคซีนทุกตัว “มั่วไปก่อน” ชั่วคราวทั้งนั้น
ไม่เห็นจำเป็นต้องแหกปากโวยวาย โทษรัฐบาล โทษสาธารณสุข โทษอาจารย์หมอ พานไปด่า ไปด้อยค่าวัคซีนเชื้อตายให้เขาเสียหาย
ทำเพื่ออะไร…หือ?
ถ้าพวกไอ้หมอไม่ทน มันเก่งจริง มีวิสัยทัศน์ทิพย์หยั่งรู้การมาของเดลตา และจริงใจกับประชาชน มันต้องโวย ต้อง mRNA อย่างเดียว แต่แรกแล้ว
ไม่ใช่อาศัยคำว่า “หมอ” ไปต่อกับคำว่า “ไม่ทน” ไปทำทุเรศให้เสียภาพหมออย่างนั้น
บอกตรงๆ ซะก็สิ้นเรื่อง กู…หมอแก๊ง ๓ นิ้ว ฉวยโอกาสกระหน่ำซ้ำหวังคว่ำรัฐบาล ประสานแก๊งการเมืองในสภา
พรรคการเมือง สส.นั่นน่ะ
อ้างดีนัก…ประชาชนเลือกผมมา แล้วตอนนี้ ประชาชนจะป่นปี้เพราะโรคขยี้ขยำ
เห็นทุกข์ชาวบ้านมั้ย หยุดกัดแย่งน้ำข้าวกันซักพักจะได้มั้ย?
แล้วหันหน้ามาช่วยกันประสานงานเป็นที่พึ่งชาวบ้านในด้านความช่วยเหลือ ด้านให้ข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อชาวบ้านจะได้รู้เหนือ-รู้ใต้ ที่ตรงทิศบ้าง
นี่อะไรกัน มันน่าละอาย จะล้มรัฐบาล จะชิงบ้าน-ชิงเมือง มุ่งล้มสถาบันกันชนิดไม่ลืมหู-ลืมตา ไม่รู้เอาค่าราคาคนไปทิ้งที่ไหน กลายเป็นสิงสาราสัตว์ในร่างคนการเมืองกันไปหมด
พูดถึงหมอเหรียญทอง เลยไปซะไกล….
ก็อยากบอกว่า ดูที่หมอเหรียญทองท่านทำบ้าง ท่านเป็นใคร เป็นหมอเกษียณ ไม่มีอำนาจวาสนาอะไร
แต่เมื่อเห็นประชาชนมีทุกข์ โดดเดี่ยว….
ติดโควิด โรงพยาบาลก็เต็ม แพทย์/พยาบาล ก็สุดกำลังล้า ท่านก็ช่วยสร้างโรงพยาบาลสนาม ทำเอง ออกเงินเอง สองแห่ง-สามแห่งก็เต็ม ท่านก็หาที่ทำต่อ เพื่อรองรับคนติดโควิดไม่หยุดไม่ยั้ง
ท่านทำเพื่ออะไร?
เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชนพี่น้องไทยที่ป่วยไข้ ไร้ที่พึ่ง- ที่พิง ยามนี้ยังไงล่ะ
ถ้าเราคนไทยไม่ช่วยไทยด้วยกัน แล้วจะให้ใครมาช่วย?
ช่วยแบบเปิดประตูบ้านให้ฝรั่งต่างชาติมันเข้ามายึดเมือง-ยึดประเทศ อย่างที่ทำซ้ำเติมกันตอนนนี้น่ะหรือ?
โรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ ที่สนามบินดอนเมือง ยังต้องการอาสาสมัครช่วยงานทุกด้าน ใครมีใจไปตอนนี้เลย เวิ่นเว้อกันมานานแล้ว รำคาญ…..
จะเอายังไง ก็เอากันให้จบๆ ไปซักที ถ้าพวกมึงขายชาติได้สำเร็จ ก็จะได้รู้กันไป
ไม่ใช่อะไร….
กูจะได้ลี้ภัยไปอยู่ดูไบซะตอนนี้ เท่านั้นแหละ!
