ผักกาดหอม
ปล่อยมาชุดใหญ่ทีเดียว
“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” บอกว่า “พยายามอดทนอดกลั้นมาตลอดกับความพยายามที่จะใส่ร้ายป้ายสี ทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียง โดยคนกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนเครือข่ายเผด็จการอนุรักษ์นิยม”
จากเรื่องวัคซีน ไปโผล่เรื่องเครือข่ายเผด็จการอนุรักษนิยม
ถือเป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่นอยู่เหมือนกันนะ
ใครคือ “เผด็จการอนุรักษนิยม”
“ธนาธร” และพวกถือตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
แล้วเหมารวมว่าฝ่ายที่คิดตรงข้ามตัวเองทั้งหมด อยู่ในเครือข่ายเผด็จการอนุรักษนิยมใช่หรือไม่
มันหมิ่นความรู้สึกนึกคิดกันเกินไปหรือเปล่า
เสียงวิจารณ์ “ธนาธร” เรื่องฉีดวัคซีนโควิดแบบไม่ปกติ ถือเป็นการวิจารณ์แบบปกติในฐานะที่ “ธนาธร” เป็นบุคคลสาธารณะ
ขนาด “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้เป็นแม่ยังหวังให้ลูกชาย เป็นเปาบุ้นจิ้นเมืองไทย ไม่มีการโกงกิน หรือเป็นสี จิ้นผิง ในเมืองไทยก็ได้ อุทิศตัวมาช่วยประเทศ ไม่ใช่เข้ามากอบโกย
เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะ ต้องอดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตราบใดที่ยังมีข้อสงสัย “ธนาธร” ควรต้องตอบคำถาม ไม่ใช่ขู่ฟ้องกลับคนวิจารณ์เหมือนที่นักการเมืองหน้าบางหลายคนชอบทำกัน
การวิจารณ์ “ธนาธร” คือการปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง สร้างความเสียหายจริงหรือไม่
ก็น่าจะจริงบางส่วน โดยเฉพาะในโซเชียล ที่วิจารณ์กันมันปากและเลยเถิด
แต่ “ธนาธร” ก็น่าจะรู้ว่า ในโซเชียลมีการวิจารณ์แบบไร้ซึ่งความรับผิดชอบมานาน และรัฐบาลเองก็โดนแบบนี้ไม่น้อยเช่นกัน
รวมไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
ไปดูความเป็นจริงเถอะครับ กลุ่มผู้สนับสนุน “ธนาธร” โจมตีสถาบันเบื้องสูงในโซเชียลอย่างหยาบคาย และรุนแรง ขณะที่ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้าของ “ธนาธร” ยืนหยัดที่จะให้มีการยกเลิก ม.๑๑๒ ให้จงได้
เมื่อวันนี้ “ธนาธร” บอกว่า
“…ดังนั้นผมจึงขอใช้สิทธิดำเนินการฟ้องคดีตามกฎหมายต่อคนกลุ่มนี้ และต่อองค์กรรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องไม่ให้รัฐนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองถืออยู่ในมือ มาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน รวมถึงทำลายผู้ที่เห็นต่างกับรัฐอีกต่อไป…”
หลายคนคงได้ไปเจอ “ธนาธร” ที่ศาล
เอาเถอะครับ…เป็นนักการเมืองควรใจกว้าง
ข้อมูลการฉีดวัคซีน เป็นข้อมูลส่วนตัวก็จริง
แต่ ข้อมูลนี้ บุคคลสาธารณะจำนวนมาก นำมาเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านโซเชียลด้วยตัวเองกันอย่างครื้นเครง
เป็นเทรนด์ของสังคมเสียด้วยซ้ำ
ดารา นักร้อง นักรัก นักการเมือง ใครไปฉีดวัคซีนมันต้องแข่งกันโชว์
แฟนคลับเข้าไปกดไลก์ กดแชร์ ให้ความเห็นในเชิงยกย่อง บันเทิง ก็เยอะแยะไปหมด
ไม่มีอะไรต้องเก็บเป็นความลับจากผู้อื่น
“ธนาธร” เองก็ไม่ควรคิดว่าข้อมูลส่วนนี้ห้ามใครแตะ ก็ในเมื่อตัวเอง ร่วมรณรงค์กับรัฐบาลให้ประชาชนไปฉีดวัคซีน ไม่ใช่หรือ
ลองคิดดูการที่ “ธนาธร” นำภาพตัวเองไปฉีดวัคซีน เข็ม ๑ เข็ม ๒ หรือ เต็มแขน มาเผยแพร่ต่อสาธารณะ มันจะเป็นการรณรงค์ที่ได้ผลกว่าเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำหรือเปล่า
แฟนคลับจะแห่ไปฉีดวัคซีน AstraZeneca กันล้นหลาม
แล้วจะเดียดฉันท์การนำข้อมูลฉีดวัคซีนมาเผยแพร่ทำไม
เพียงแต่ เรื่องราว บีฟอร์ แอนด์ อาฟเตอร์ มันมีซัมติง!
ถ้า “ธนาธร” ไม่ได้คิดว่าเป็นเกมการเมือง มันก็ไม่มีอะไรในกอไผ่
แต่ “ธนาธร” เชื่อว่า เป็นฝีมือเผด็จการ และโพสต์ในเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไว้ซะยาวเหยียด
…คนกลุ่มนี้ปลุกปั้น แต่งเรื่องไม่จริง พูดซ้ำๆ ทุกวัน เพื่อให้ชื่อเสียงผมเสียหาย เพื่อให้ประชาชนเกลียดชังผม ถึงวันนี้มีคนจำนวนหนึ่งเข้าใจผมผิดเพราะการกระทำของคนกลุ่มนี้…
…ในครั้งนี้ พวกเขากล่าวหาว่าผมแย่งวัคซีนคนแก่ กล่าวหาว่าผมด้อยค่าวัคซีนแต่กลับไปฉีดเสียเอง นำหลักฐานผิดฝาผิดตัว มาผูกเรื่องราวให้ประชาชนเข้าใจว่าผมใช้อำนาจบาตรใหญ่แซงคิวประชาชน
พวกเขาร่วมมือกับรัฐบาลเผด็จการ นำข้อมูลส่วนบุคคลของผม ออกมาเปิดเผยในที่สาธารณะเพื่อสร้างเรื่องหลอกลวงเหล่านี้…
แน่นอน เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ผมตระหนักดีถึงสถานะของตนเอง พยายามครองตนให้เหมาะสม และระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอไม่ให้มีการใช้ความเป็นบุคคลสาธารณะของตนเองเพื่อได้มาซึ่งสิทธิพิเศษ
…แต่การกระทำที่น่ารังเกียจของคนกลุ่มนี้ และการร่วมสนับสนุนโดยไอโอของรัฐบาล กองทัพและบางพรรคการเมือง ที่รังแต่จะสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน ไม่ได้ทำร้ายผมคนเดียว
ไม่ใช่ผมคนเดียวที่โดนทำลายจากคนกลุ่มนี้ ยังมีนักประชาธิปไตยและนักสิทธิมนุษยชนอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกคนกลุ่มนี้ทำลายชื่อเสียง…
ครับ…”ธนาธร” มองว่า การโจมตีเขา ทำกันเป็นขบวนการ กระทำการอย่างน่ารังเกียจ
มีทั้งเผด็จการ ไอโอกองทัพ พรรคการเมืองบางพรรค รวมหัวกันเล่นงานเขาเรื่อง ไปฉีดวัคซีนแล้วไม่บอกใคร
แปลความได้ว่า เล่นใหญ่จริงๆ
ที่จริงไม่มีอะไรซับซ้อน การวิพากษ์วิจารณ์ “ธนาธร” เรื่องวัคซีน เป็นเพราะเจ้าตัววิจารณ์รัฐบาลเรื่องวัคซีนอย่างเผ็ดร้อนมาก่อน
ไม่ต่างอะไรจากสงฆ์ผู้ทรงศีล แต่เมื่อเกิดพฤติกรรมเสี่ยงว่าจะผิดศีล ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ตามมาซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมาก
มีใครต้องการทำลาย “ธนาธร” หรือเปล่า?…
ประเด็นนี้ไม่ทราบจริงๆ
แต่เรื่อง “ธนาธร” ไปฉีดวัคซีน AstraZeneca หลังจากวิพากษ์วิจารณ์ AstraZeneca อย่างเผ็ดร้อน ลามไปใช้คำว่า “วัคซีนพระราชทาน” สังคมแค่ต้องการจุดยืนของ “ธนาธร” เท่านั้นเอง
เพราะในวันนั้นเกิดข้อสงสัยว่า “ธนาธร” โจมตีรัฐบาลหรือวิจารณ์ใครกันแน่
มีการทำสถิติไว้ ในเดือนมกราคม ๒๕๖๔ ที่ “ธนาธร” กล่าวหาเรื่อง “วัคซีนพระราชทาน”
เน้นย้ำถึง ๑๐ ครั้ง ว่า ประเด็นการผูกขาดวัคซีน เจรจาเพียงเจ้าเดียวโดยบริษัทเอกชนสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่รัชกาลที่ ๑๐ ทรงเป็นผู้ถือหุ้นเบ็ดเสร็จทั้งหมด ๑๐๐%
ใช้คำว่า “บริษัทเจ้าเดียว”
“ธนาธร” เอ่ยชื่อ “วชิราลงกรณ์” ตรงๆ
ตั้งหัวข้อกล่าวหา “วัคซีนพระราชทาน ใครได้-ใครเสีย”
โจมตี การทำงานของสยามไบโอไซเอนซ์ ไร้ประสิทธิภาพ มีบริษัทลูกถึงสามบริษัท ทั้งยังติดต่องานกับต่างประเทศด้วย แต่ล้มเหลวทั้งบริษัทแม่และบริษัทลูกทุกบริษัท ดำเนินงานขาดทุนทางธุรกิจไม่เคยมีกำไรเลย
การผูกโยงไม่ใช่แค่เรื่อง แทงม้า AstraZeneca ตัวเดียว จนประชาชนไม่มีทางเลือก แต่ไปไกลถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้เหตุว่าเพราะเป็นผู้ถือหุ้นสยามไบโอไซเอนซ์
ฉะนั้นเมื่อ “ธนาธร” ไปฉีดวัคซีน AstraZeneca ก็ไม่แปลกที่จะถูกทัวร์ลง
เพราะเขาต้องการรู้กันว่า “ธนาธร” คุณเป็นคนประเภทไหนกันแน่