“ผมเชื่อว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า Disruption (ดิสทรัปชั่น) นั้น มีเข้ามาในวงการเมืองตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เนื่องจากว่า คนรุ่นใหม่ต่างไม่ชอบการเมืองแบบเดิมๆ ที่พวกเข้ารู้สึกว่า เต็มไปความหวาดกลัว ผลประโยชน์กลโกงสารพัด ไม่มีพื้นที่ที่พวกเขาได้แสดงออกทางความคิดเห็นทางการเมืองที่เพียงพอ จึงทำให้พวกเขาส่วนใหญ่ที่เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก ตัดสินใจเลือกสิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งใหม่ๆ
และประชาชนต่างคาดหวังว่า โฉมหน้าทางการเมืองจะต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่จนถึงขณะนี้ กลายเป็นว่า คนรุ่นใหม่หลายคนเริ่มรู้สึกว่า การเมืองก็ยังวนเวียนเหมือนเก่า และพวกเขากลายเป็นหมากที่ไม่ต่างจากเหตุการณ์ในอดีต จึงทำให้พวกเขาต้องขอทวงคืนชีวิตวัยรุ่นคืนมา เพื่อป้องกันไม่ให้การเมืองรบกวนการใช้ชีวิตและมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน
ดังนั้น ผมจึงเชื่อมั่นในศักยภาพและพลังของคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นกำลังสำคัญทางการเมืองในอนาคต เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากให้คนรุ่นใหม่ มีวิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ไม่ใช่เชื่อเรื่องราวประเภท ‘เขาเล่าว่า’ หรือเชื่อในสิ่งที่บุคคลที่ตัวชื่นชอบบอกกล่าว โดยไม่ไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ และผมก็ขอร้องให้นักการเมืองทุกฝ่าย ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานในสภาฯ ให้กลับมาเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนทุกเพศทุกวัย
รวมทั้ง ใครที่มีเจตนาไม่หวังดีต่อประเทศชาติ อาศัยความเป็นคนรุ่นใหม่มาเป็นเกราะกำบังตัวเองอย่างน่าไม่อาย โดยเชื่อว่ามีคนหรือองค์กรนอกประเทศคอยให้ท้ายนั้น ก็ขอให้เลิกล้มความตั้งใจ และอย่าปลุกปั่นสร้างความแตกแยกระหว่างวัยและคนไทยด้วยกันด้วย” นายชัยชนะกล่าว