ยุคใหม่ “ไทยรุ่งเรือง”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

สวัสดี ปีใหม่ ๒๕๖๕ ครับ!
คนไทยทุกคน “สู่ยุค”ศิวิไลซ์ ไทยรุ่งเรือง” นับตั้งแต่ ๑ มกราคมนี้เป็นต้นไป
หมู่เลยครับ…
“บัดนี้ไทยเจริญวิสุทธิ์ผุดผ่อง พี่น้องจงแซ่ซ้องชาติไทย รักษาไว้ให้มั่นคง เทิดธงไตรรงค์ให้เด่นไกล ชาติเชื้อเรายิ่งใหญ่ ชาติไทยบ้านเกิดเมืองนอน”
ร้องกันคนละบ้าน ก็ “บ้านใคร-บ้านมัน” นี่แหละ ถึงอยู่คนเดียว ก็เดียวแต่ตัว
ยังมีหัวใจ “คนไทยรักกัน” อีก ๖๐-๗๐ ล้านดวง เคียงประสาน สนั่นบ้าน-สนั่นเมือง
“โอไมครอน” ทำวันปีใหม่ “กร่อยไปนิด” เนอะ ว่ามั้ย?

แต่ก็น่ากร่อยอยู่หรอก ขู่กันจริง ทั้งมด-ทั้งหมอ-ทั้งสื่อ ทำเอาฝ่อถึงสะดือ ตั้งแต่ปลายปีโน้นแล้ว
ก็โน้นนนนน ธันวา.๖๔ โน้นไง!

ใครกลัว ก็กลัวไป ส่วนผมไม่กลัว เข็ม ๓ เข็ม ๔ ที่ตาตื่นไปฉีดกัน ผมไม่ตื่นหรอก นอนดีกว่า
แค่การ์ดไม่ตก พก “หลวงพ่อแมสก์” ติดจมูก-ปากไว้ ไม่ไปสำส่อนตามอโคจรสถาน ต่อให้พ่อโอไมครอนมาด้วย ก็ไม่กลัว

เพราะถึงฉีดร้อยเข็ม แต่ยังประมาท เปิดจมูก-เปิดปากอ้าซ่า เห็นสี-เห็นแสง มืดสลัว ก็หัวตะคุ่มชนกัน ตามผับ-ตามบาร์ เป็นปลาแขยงรวมกลุ่ม
ยังไงมันก็ติด!

เชื่อหมอจ๋าอย่างผมเหอะ แล้วชีวิตจะสบาย
เอาแค่เกรงใจก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นกลัวมันหรอก โอไมครอนน่ะ ตามที่สดับตรับฟังจากผู้เชี่ยชาญทางวิจัยเมืองนอก พอสรุปได้ว่า

เป็นปรากฎการณ์ “ตื่นลาฟ้าสาง” ซะละมากกว่า
มาเร็ว-ติดเร็ว เอาแค่ป่วย แต่ไม่ถึงตาย!

คือถึงบัดนี้ เท่าที่จากข่าวคราว ระบุค่อนไปทางว่า “โอไมครอนไม่ใช่สายพันธุ์ดุร้าย” ประเภท “ปอบกินปอด” อย่างเดลตา
แค่จำพวก “กินเสลด” คลอเคลียอยู่ในลำคอเท่านั้น

ฉะนั้น ๒ เข็ม “ฉีดถ้วนหน้า” ก็เอาอยู่แล้ว
รอครบ ๕-๖ เดือน “นับจากเข็ม ๒” ค่อยไปบูสท์เข็ม ๓

ลนลานมากไป ๒ เดือน ๓ เดือนฉีด อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็กลายเป็นโรค “เสพติดวัคซีน” ไปจนได้
ใช้ชีวิตปกติด้วย “ไม่ประมาท” กันเถอะ ไปไหน-มาไหน สวมหน้ากากอนามัยให้เป็นนิสัยประจำกันไว้ แบบนี้ ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็รอด

สรุป “หลวงพ่อแมสก์” แน่นอนที่สุด ในสภาวะ “ยังไม่แน่นอน” ว่าโอไมครอนมาดีหรือมาร้าย?
ฟังหมอเขาว่ามีความน่าจะเป็น “โรคประจำถิ่น” เหมือนอีกหลายๆ โรคที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

ฉะนั้น ถ้าตื่นกลัวกันมากไปถึงขั้นเตลิด ไม่ตายจากโอไมครอน แต่เป็นโรค “วิตกจริต” กันจนทำมาหากินอะไรไม่ได้ ได้แต่ “นั่งด่า-นั่งโทษ” รัฐบาล

แล้วก็อุปาทานตามที่นักการเมืองกรอกหูว่า “ถ้ามีขอนไม้ใหม่” แทนขอนประยุทธ์ตอนนี้ ทุกโรค-ทุกปัญหา มันจะหายในบัดดล

มันเป็นได้อย่างนั้นก็ดีซี….
ถ้าเป็นได้ ผมจะเสกให้นายกฯประยุทธ์ไปจำศีลอยู่บนเขาโงลังกั๋งซะเดี๋ยวนี้เลย

เกรงแต่ “ขอนใหม่” ที่มา จะเป็นจระเข้สายพันธุ์สัมภเวสี เขมือบทั้งบ้าน-ทั้งเมือง ทั้งคนตาบอดไม่กลัวเสือและคนตาดีกลัวเสือ อย่างนั้นซะละมากกว่า!

คุยเรื่องฟุตบอล ชิงแชมป์อาเซียน SUZUKI CUP 2020 ไทยเตะกับอินโดฯ “รอบสอง” ที่ช่อง ๗ สี “ถ่ายสด” ให้ดู ตอนทุ่มครึ่ง ค่ำดีกว่า

ถ้วยอยู่ในมือช้างศึกจากนัดแรกที่ชนะไป ๔-๐ วันก่อนแล้ว รอชู “ไทย-แชมป์อาเซียน”ทสมัยที่ ๖ หลังแข่งจบคืนนี้เท่านั้น

ที่พูดนี่ ไม่ใช่ปรามาสนักเตะอินโดฯ
แต่การที่ไทยตุนไว้แล้ว ๔ ลูก ในขณะที่อินโดฯ ๐ หมายความว่า วันนี้ อินโดฯ ถ้าชนะไทยแบบได้ครองแชมป์อาเซียน
อินโดฯ ต้องยิงไทยให้ได้ ๕-๐ ขึ้นไป!

ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ในระดับ “บอลชิงแชมป์” ยิ่งเห็นฟอร์มการเล่นนักเตะไทยจากนัดที่แล้ว พูดกันตรงๆ ฝีเท้านักเตะอินโดฯ ชุดนี้ ยังห่างฝีเท้านักเตะไทยมาก

ทางฝั่งอินโดฯ เอง กระทั่งแฟนบอลอินโดฯ ก็ยอมรับ ทั้งยังมีสปิริตชื่นชมนักเตะไทยด้วยซ้ำ
อินโดฯ รองแชมป์ โดยมีไทยเป็นแชมป์ แฟนชาวอินโดฯ ยอมรับได้ในจุดนี้

การที่ช้างศึกสร้างผลงานเป็น “ของขวัญล้ำค่า” ทางจิตใจมอบให้คนไทยทุกคนปีใหม่นี้ นอกจากนักเตะแล้ว คนที่ต้องขอบคุณเป็นพิเศษ คือ
“มาดามแป้ง” และทีมงาน กับโค้ช “มาโน โพลกิ้ง” และทีมงาน

จริงอยู่ นักเตะทุกคนมีพลัง แล้วใครล่ะ ที่จะมีศาสตร์และศิลป์ ดึงศักยภาพในตัวแต่ละนักเตะ อันประหนึ่งความร้อนใต้พิภพ ให้พวยพุ่งออกมาโชนฉาน
แล้วไหลรวมและร้อนแรงประหนึ่งลาวา กลืนเรียบทุกทีมในอาเซียน?

ใครคนนั้น ก็คือ “มาดามแป้ง” กับ “มาโน” นี่ไง!
“ขวัญ-พลังใจ” ให้นักเตะคึกและกระหายชัยชนะ มาจาก “มาดามแป้ง” ผู้เป็นแม่ย่านางทีม

ส่วนการมองทะลุตีนของแต่ละนักเตะเพื่อการวางตำแหน่งที่สอดคล้องแต่ละสถานการณ์ และแผนการเล่น เพื่อ “เผด็จศึก” ฝ่ายตรงข้าม

ต้องยกให้ “มาโน โพลกิ้ง” โค้ชที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยจากชะตากรรมกดทับมายาวนาน
เพื่อเป็นเกียรติประวัติกับนักเตะชุด “มาดามแป้ง” และโค้ช “มาโน” ปลุกเสกเป็นแชมป์อาเซียน ขอบันทึกรายชื่อทั้งตัวจริง-ตัวสำรองไว้ เพื่อตอกย้ำว่า

ฟุตบอลต้อง “เก่งเป็นทีม” จึงจะบรรลุเป้าหมาย ประภท เก่งคนเดียว, ข้าเป็นพระเอกคนเดียว ไม่ตายคนเดียวหรอก
แต่ “ตายหมด” ทั้งทีม!

ต่อไปนี้ เป็นรายชื่อช้างศึก “แชมป์ SUZUKI CUP 2020”

“ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ประตู)
“ฉัตรชัย บุตรพรม” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (ประตู)
“กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์” โอเอช ลูเวิน (ประตู)
“ทริสตอง โด” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
“นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
“สุริยา สิงห์มุ้ย” ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด
“มานูเอล ทอม เบียร์ห” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
“ธีราทร บุญมาทัน” โยโกฮามา เอฟ มารินอส
“ปวีร์ ตัณฑะเตมีย์” ราชบุรี มิตรผล
“เอเลียส ดอเลาะ” การท่าเรือ
“ฟิลิป โรลเลอร์” การท่าเรือ
“โจนาธาร เข็มดี” โอเดนเซ
“สารัช อยู่เย็น” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
“ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
“ชนาธิป สรงกระสินธ์” คอนซาโดเล ซัปโปโร
“วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ” ชลบุรี
“สุภโชค สารชาติ” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
“พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล” ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด
“ศิวกรณ์ เตียตระกูล” ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด
“กฤษดา กาแมน” ชลบุรี
“ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร” เลสเตอร์ ซิตี้
“ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
“บดินทร์ ผาลา” การท่าเรือ
“ปกเกล้า อนันต์” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
“วีระเทพ ป้อมพันธุ์” เมืองทอง ยูไนเต็ด
“พิชา อุทรา” เมืองทอง ยูไนเต็ด
“อดิศักดิ์ ไกรษร” เมืองทอง ยูไนเต็ด
“ศุภชัย ใจเด็ด” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
“ธีรศิลป์ แดงดา” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
“เจนภพ โพธิ์ขี” โปลิศ เทโร
…………………………………..
ขอพูดถึงมาโน่อีกนิด เป็นเยอรมัน นิสัยใจคอเข้าถึงความเป็นไทยเหมือน “โค้ชเช” ดูจากที่เอา “กวินทร์” ลงรักษาประตูนัดก่อน เขาแถลงว่า……

“เราไม่ได้ไม่เคารพอินโดนีเซีย แต่เป็นเพราะว่าคุณพ่อของกวินทร์เพิ่งเสียไปเมื่อช่วงบ่าย เราอยากตอบแทนความทุ่มเทของกวินทร์ ด้วยการสร้างช่วงเวลาดีๆ ให้เขาได้ลงสนามเพื่อพ่อของเขา”

นี่แสดงว่า มาโน่เข้าถึง “จิตวิญญานคนไทย” ดูจากคลิป เขาไม่ได้ดรามาพูด แต่เป็นความรู้สึกจากใจจริงของเขา ขณะพูด น้ำตามาโน่ไหลออกมา ถึงขั้นเรียกได้ว่าร้องไห้
แบบนี้ “ได้ใจ” คนไทย

มาโน่คงต้องเป็นโค้ช “คู่บุญ” ทีมชาติไทย “มาดามแป้งอุ้มสม” ไปนานๆ ซะแล้วหละ
สรุปว่า คืนนี้ ไทยต้องชูถ้วยแชมป์ SUZUKI CUP 2020 ให้ได้นะ

ไม่งั้น ที่คุยโขมงล่วงหน้าไว้ ผมต้องแทรกแผ่นดินไปโผล่เอา ๑ มกรา.๖๖ โน่นเลย
ที่ “คุยล่วงหน้า” อย่างนี้ได้ เพราะอะไร รู้มั้ย?
เพราะ “เชื่อแป้ง” ไงล่ะ!



Written By
More from plew
เพื่อไทย “หมดสภาพ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ดูว่า……… ใครจะ “แพ้-ชนะ” ในศึกอภิปรายพรบ.งบประมาณที่เริ่มแต่เมื่อวาน (๓๑ พค.๖๕) ไม่ยาก…….. เหมือนดูผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั่นแหละ
Read More
0 replies on “ยุคใหม่ “ไทยรุ่งเรือง”-เปลว สีเงิน”