18 ธ.ค.2564 – ที่จังหวัดนครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต และนายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 ติดตามการฉีดวัคซีนโควิด 19 และเยี่ยมเสริมพลังบุคลากรสาธารณสุข และกล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับอสม.อย่างมาก ได้ฝากความปรารถนาดี และชื่นชมการทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานดูแลสุขภาพประชาชนในช่วงโควิด 19 จนสถานการณ์ดีขึ้น ช่วยเสริมความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขไทย และเมื่อมีการฉีดวัคซีนยังช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ในการคัดกรองประชาชนที่มาฉีดวัคซีนด้วย
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขอยู่ในช่วงการรณรงค์การกระตุ้นฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ภูมิภาค ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่สื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่ในช่วงรับวัคซีนเข็มที่ 3 ได้ ได้แก่ ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันครบ 2 เข็ม ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงเดือนกันยายน ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญได้ปรับระยะเวลาให้เร็วขึ้นจากเดิม 6 เดือน เป็น 3 เดือน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน และขอความร่วมมือให้ อสม.ในจังหวัดนครราชสีมา เข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ภายในวันที่ 15 มกราคม 2565 เพื่อความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพชาวบ้าน
“การฉีดวัคซีนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการดูแลและสร้างความปลอดภัยทางสุขภาพให้กับประชาชนซึ่งคาดว่าเราจะสามารถฉีดได้เกิน 100 ล้านโดสในเร็วๆ นี้ แต่จะเดินหน้าฉีดต่อเนื่องทั้งเข็มที่ 1, 2 และ 3 เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนจะได้รับความปลอดภัย ยืนยันว่าวัคซีนมีเพียงพอฉีดให้กับประชาชนทุกคน และจะจัดสรรลงพื้นที่ต่างๆ ตามจำนวนประชากรอย่างเท่าเทียม และแม้การฉีดวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้แต่ขอให้ประชาชนยังคงป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด โอกาสติดเชื้อจะได้น้อยลง”นายอนุทินกล่าว