วันที่ 17 ก.ย.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และพัฒนาครอบครัวแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ผ่านระบบ VDC
จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายที่มุ่งเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม ยึดหลักมาตรการ 3P คือ 1) การป้องกัน (Prevention) 2) การคุ้มครอง (Protection) และ 3) การดำเนินคดี (Prosecution) รวมทั้งขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมการช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิไปยังกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ ให้มากยิ่งขึ้น มีหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฯ จำนวนทั้งสิ้น 27 หน่วยงาน ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 16 หน่วยงาน และองค์กรภาคประขาสังคม จำนวน 11 หน่วยงาน ซึ่งทั้งหมดจะไปร่วมกันกำหนดแผนการดำเนินงานให้ครอบคลุมทุกมิติต่อไป
นายจุรินทร์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ที่มีสาเหตุปัจจัยจากปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นับวันจะทวีความรุนแรงและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบและเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาสังคมอื่น ๆ สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะทางสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันหรือมีความไม่เสมอภาคระหว่างเพศ ที่มาจากความคิด ความเชื่อของคนในสังคม ค่านิยม หรือวัฒนธรรมประเพณี ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งทางร่างกาย และจิตใจ
ซึ่งทาง พม. มุ่งเป้าการดำเนินงานเชิงรุก ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวทุกรูปแบบ จึงนำมาสู่ความร่วมมือกันในวันนี้ เพราะ พม. ไม่สามารถขับเคลื่อนงานเพียงหน่วยงานเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน หลายสาขาวิชาชีพ เพื่อดำเนินงานคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงที่มีความซับซ้อน ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“รัฐบาลต้องการสร้างกลไกความร่วมมือกับทุกภาคส่วน พัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว พร้อมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรท้องถิ่นมีทักษะและสามารถสำรวจสถานการณ์ สอดส่องดูแล และเฝ้าระวังปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องว่า ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และในครอบครัวอีกต่อไป ทุกหน่วยงานต้องร่วมกันช่วยเหลือ และคุ้มครองสวัสดิภาพ โดยให้ความสำคัญกับผู้เสียหาย และผู้ได้รับผลกระทบเป็นสาคัญ” นางสาวรัชดากล่าว