น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ชุมชนต่างๆในเขตจอมทอง-ธนบุรี มีเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนว่า มีความรู้สึกผ่อนคลายและดีใจที่สามารถกลับมาใช้พื้นที่สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ร้านเสริมสวย และรับประทานอาหารนอกบ้านได้
โดยเฉพาะผู้ประกอบการและพนักงานห้างร้านต่างๆ คนขับรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้างมีรายได้มากขึ้น เศรษฐกิจมีการเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวา แม้จะยังไม่กลับมาเป็นปกติเหมือนกับช่วงก่อนล็อกดาวน์
ซึ่งในสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดเช่นนี้แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้หายป่วยจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ตนได้ให้กำลังใจพี่น้องประชาชนและขอความร่วมมือในการเคร่งครัดเรื่องการป้องกันตามมาตรการควบคุมโรคเพื่อความปลอดภัย ซึ่งพี่น้องประชาชนก็ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทและไม่ต้องการให้เกิดการแพร่ระบาดใหญ่ขึ้นซึ่งจะเป็นการทำลายบรรยากาศเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตนยังได้ให้ข้อมูลแผนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ว่าจะมีวัคซีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยจะเข้ามาอีก 24 ล้านโดส
มีทั้งวัคซีนจากซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้า เซนเนก้า 10 ล้านโดส ไฟเซอร์ 8 ล้านโดส และซิโนฟาร์มอีก 6 ล้านโดส ซึ่งในเดือนนี้ทาง ศบค.ตั้ง เป้าหมายฉีดให้กับประชาชนอย่างน้อยร้อยละ 50 ของทุกจังหวัด และร้อยละ 70 อย่างน้อย 1 จังหวัด
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ที่สำคัญในเดือนตุลาคมนี้จะเริ่มแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ด้วยความยินยอมของผู้ปกครอง ให้กับกลุ่มเป้าหมายนักเรียน นักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 หรือ ปวช. ปวส. หรือเทียบเท่าเพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปิดภาคเรียน
และฉีดวัคซีนกระตุ้นหรือบูสเตอร์ให้กับคนที่ฉีดซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม และยังมีการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์อีก 30 ล้านโดส และในปีหน้า จะสั่งซื้ออีก 50 ล้านโดส โมเดอร์นา เป็นวัคซีนทางเลือกอีก 5 ล้านโดส จะเห็นได้ว่า เมื่อเราติดอาวุธวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนบวกกับมาตรการป้องกันตามมาตรการทางสาธารณสุข ก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
แต่พี่น้องประชาชนยังกังวลกับปัญหาการเมือง กลุ่มป่วนเมือง ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนที่มีภาพความรุนแรง จะกระทบต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดและทำลายบรรยากาศในการค้าขายต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ตนได้ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการควบคุมการชุมนุม ที่พยายามสร้างความเกลียดชังและโกรธแค้นให้กับพี่น้องประชาชน
“สถานการณ์โควิดกำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อวัคซีนเข้ามามากจะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับพี่น้องประชาชนในการทำธุรกิจทางเศรษฐกิจ ภาพรวมของประเทศก็จะผ่อนคลายและดีขึ้น” น.ส.ทิพานัน กล่าว