สงครามใหม่ของก้าวไกล-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เอาละเว้ย……

                พรรคก้าวไกล จี๊ดจ๊าด ฟอร์มไม่ตกจริงๆ

                พยายามสร้างผลงานชิ้นโบดำ ตั้งแต่ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิรูปกองทัพ แก้รัฐธรรมนูญ แก้ ม.๑๑๒ 

                ล่าสุดช่างเด็ดดวง

                ก้าวไกลมีมติที่ประชุมพรรค เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ….ว่าด้วยการเอาผิดเจ้าพนักงานยุติธรรมในฐาน ‘บิดเบือนกฎหมาย’

                ส.ส.ร่วมลงชื่อกันคึกคัก เพื่อบรรจุเป็นญัตติเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ต่อไป

                สาระและความสำคัญของร่างกฎหมาย เห็นแล้วเสียวแทน

                เป็นการเพิ่มฐานความผิดเข้าไปในประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ ความผิด ลักษณะ ๓ ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม หมวด ๒ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม

                ได้แก่ ความผิดฐาน “บิดเบือนกฎหมาย” ของเจ้าพนักงานในการยุติธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

                พรรคก้าวไกลให้เหตุผลการเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่า….

                “….เนื่องจากเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา เจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นงานสอบสวนทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง ผู้ว่าคดี พนักงานอัยการ ตลอดไปจนถึงผู้พิพากษาและตุลาการ ได้ถูกตั้งคำถามถึงการใช้อำนาจหน้าที่ไม่เป็นไปตามหลักในทางนิติธรรม หรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนดในหลายกรณี

                ผลที่เกิดขึ้นคือ มีการบิดเบือนและทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่ใช่ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์เท่านั้น แต่ได้สร้างความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม

                ซึ่งอาจจะถูกทำลายและอาจทำให้ประชาชนหมดสิ้นศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมได้…”

                ทีนี้มาดูรายละเอียดการเสนอแก้ไขของพรรคก้าวไกล

                เป็นการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา โดยเพิ่มมาตรา ๒๐๐/๑ ในวรรคหนึ่ง กำหนดฐานความผิดจากการบิดเบือนกฎหมายของพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี และพนักงานสอบสวน ความว่า

                “…ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน กระทำการบิดเบือนกฎหมายในการสอบสวนและการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ด้วยการทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี หรือกระทำความเห็นทางคดีอย่างอื่นอันจะมีผลกระทบต่อการสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี

                วรรคสอง กำหนดฐานความผิดจากการบิดเบือนกฎหมายของผู้พิพากษาและตุลาการ ความว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ กระทำการบิดเบือนกฎหมายในการพิจารณาคดี การทำคำสั่งรับหรือไม่รับฟ้อง การทำคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี หรือการทำคำสั่งคำร้องหรือคำขออื่นใด เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี…”

                ขณะที่ มาตรา ๒๐๐ ปัจจุบันที่ใช้อยู่ บัญญัติว่า…

                “…ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

                วรรคสอง ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้น เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท…”

                มาดูความแตกต่าง

                ของเดิม บัญญัติว่า “กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ”

                พรรคก้าวไกลแก้เป็น “กระทำการบิดเบือนกฎหมาย”

                แค่การใช้คำในกฎหมาย สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะของพรรคก้าวไกล ว่าต้องการเอาคืนกระบวนการยุติธรรม มากกว่าแก้กฎหมายให้รอบคอบรัดกุม หรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                ลองเปรียบเทียบถ้อยความในกฎหมายดู

                 “กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ” คือลักษณะการห้ามที่กินขอบเขตกว้างกว่า “กระทำการบิดเบือนกฎหมาย” ชนิดเปรียบกันไม่ได้

                และเมื่อไปอ่านเหตุผลในการยื่นแก้กฎหมาย ก็พบเจตนาชัดเจนว่ามีพื้นฐานมาจากอะไร

                การอ้างว่าที่ผ่านมา เจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นงานสอบสวนทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง ผู้ว่าคดี พนักงานอัยการ ตลอดไปจนถึงผู้พิพากษาและตุลาการ ได้ถูกตั้งคำถามถึงการใช้อำนาจหน้าที่ไม่เป็นไปตามหลักในทางนิติธรรม หรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนดในหลายกรณี

                ขอถามกลับไปยังพรรคก้าวไกลว่า ใครเป็นคนตั้งคำถาม

                และตั้งคำถามบนพื้นฐานอะไร 

                รวมทั้งคนส่วนใหญ่ตั้งคำถามแบบเดียวกับพรรคก้าวไกลหรือไม่

                ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีความพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม

                “ทักษิณ” เคยอ้างว่า ยุติธรรมสองมาตรฐาน เมื่อผลการพิจารณาคดีความไม่เป็นคุณกับตัวเอง 

                พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้าโดยธนาธร-ปิยบุตร และพวก โจมตีกระบวนการยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อคำวินิจฉัย หรือคำพิพากษาของศาล ไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคิด

                คณะสามกีบภายใต้ความช่วยเหลือของคณะสามสัส โจมตีกระบวนการยุติธรรม อย่างรุนแรง โดยเฉพาะกรณีการให้ประกันตัวคดี ม.๑๑๒

                คนกลุ่มนี้ไม่ยึดตัวบทกฎหมาย แต่ยึดเอาตามความพึงพอใจของตนเองเป็นหลัก

                การเพิ่มโทษติดคุกขั้นต่ำเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ             

                มาตรา ๒๐๐ ปัจจุบัน บัญญัติเอาไว้ กรณี “กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ” มีโทษจำคุกตั้งแต่ ๖ เดือนถึง ๗ ปี

                กรณีแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ จำคุกตั้งแต่ ๑ ปีถึง ๒๐ ปี

                มาตรา ๒๐๐ ที่พรรคก้าวไกลเสนอ กรณี “กระทำการบิดเบือนกฎหมาย ในการสอบสวนและการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี” ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปีถึง ๑๐ ปี

                และกรณีการทำคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เพื่อให้เกิดประโยชน์หรือความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา หรือคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๓ ปีถึง ๒๐ ปี

                ที่บอกว่าน่าสนใจคือ ก่อนนี้พรรคก้าวไกลเสนอให้แก้ ม.๑๑๒ ลดโทษจำคุกเหลือไม่เกิน ๑ ปี ปรับไม่เกิน ๓ แสนบาท อ้างว่าเป็นการป้องกันพระเกียรติยศ

                แต่กับการทำหน้าที่ของตุลาการ พรรคก้าวไกลเสนอเพิ่มโทษ

                ทั้งหมดนี้มาจากพื้นฐานอะไร

                หากมองความคิดของพรรคก้าวไกลในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็น แก้ ม.๑๑๒ ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เอาคืนผู้พิพากษา ล้วนเป็นยุทธศาสตร์ที่มีการวางแผนให้สอดรับกัน

                จะแก้ได้ทั้งหมด หรือแก้ไม่ได้เลย แต่นี่คือการประกาศทำสงครามรอบใหม่

                เริ่มต้นด้วยการด้อยค่ากระบวนการยุติธรรม 

                จับผู้พิพากษามาเป็นคู่ขัดแย้ง.

Written By
More from pp
แรงงานนับหมื่น เฮ! ฝึกอบรมความปลอดภัย ฟรี! ช่วยลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย นายจ้าง ลูกจ้าง ภาคีเครือข่ายความปลอดภัยในการทำงานทุกภาคส่วนขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงแรงงานที่จัดโครงการฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงาน ช่วยลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน สร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันความปลอดภัย
Read More
0 replies on “สงครามใหม่ของก้าวไกล-ผักกาดหอม”