เปลว สีเงิน
ก็ผิดไปจากที่คาดกันซะที่ไหน!
พลันที่ “ราชกิจจานุเบกษา” ประกาศเมื่อคืนวาน (๒๖ พค.๖๔)
ให้ “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์”
จัดหาวัคซีน, อุปกรณ์ทางการแพทย์, เวชภัณฑ์ เข้ามาใช้รักษาประชาชนได้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19
พวกตัวโลน-ตัวไร มันต้อง “ไชตะเข็บ” ไล่ให้นายกฯ ออกไปแน่
แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ!
ปาวๆ ว่า นายกฯ ล้มเหลว เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน ต้องทรงลงมาบริหาร-จัดการเรื่องวัคซีนเอง!
เฮ้อ….
ก็ไม่รู้จะพูดยังไงกะพวกผีโขมด คิดซะว่าเขาสาปให้มันมาเป็นราหูกินเครื่องเซ่น มันก็เป็นของมันอย่างนั้น ไม่ต้องไปให้ความสำคัญอะไร
ทุกคนก็รู้ ว่า “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” นั้น เป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับรัฐ ต่อยอดจาก “โรงพยาบาลจุฬาภรณ์”
“ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี”
ทรงก่อตั้งขึ้นเพื่อ…
สานต่อพระปณิธานและเฉลิมพระเกียรติ ๙๐ ปี “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ทรงเป็นองค์ประธานราชวิทยาลัยฯและนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
สถาบันนี้ แหล่งวิชาแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข สังกัดโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มูลนิธิจุฬาภรณ์
เป้าหมาย เพื่อให้เป็นสำนักวิชาจัดการเรียน-การสอน- การวิจัย “ผลิตแพทย์” สร้างบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพในสาขาที่ขาดแคลน
เมื่อโควิดระบาดทั่วโลก ในความเป็นเจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน ที่ไม่เคยละเว้นการสอดส่องดูแลสุข-ทุกข์ของประชาชน
ในภาวะการณ์เช่นนี้……
ทั้งความเป็นเจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน ทั้งความเป็นองค์ประธานและนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ใช้ศักยภาพช่วยเหลือประเทศชาติบ้านเมืองและพสกนิกรได้ “ทุกพระองค์” ไม่เคยละเว้นที่จะช่วยเหลือ
เวลานี้ วัคซีนเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ทุกคน-ทุกฝ่าย ใครช่วยทางไหนได้ ก็ช่วยกันอยู่แล้ว
ก็ดังทราบ วัคซีนนั้น ทั้งโลกแย่งกัน!
ไทยเราก็มีที่หวัง-ที่ได้ แต่ก็ยังไม่พอจำนวนประชาชน ถึงมีโรงงานสยามไบโอฯ การผลิตก็ต้องใช้เวลาตามขั้นตอน แม้เดือนหน้า “มาแน่”
แต่ก็ไม่ทันใจคนนั่นแหละ!
การ “ช่วยกัน” ยามนี้ เป็นสำนึกที่ทุกคนพึงมี และเป็นเรื่องต้องสรรเสริญ
ไม่ควรมองว่าเป็นการ “แตกแยก-แข่งงาน” แล้วหยิบฉวยไปกล่าวร้าย-โจมตีรัฐบาล กระทั่งถึงขั้นไล่นายกฯ หรือใครๆ
กับ “คนในรัฐบาล” เองก็เถอะ
ไม่ควร “งามนอก- ทรามใน” ยกเป็นประเด็น “ซุบซิบ-นินทา” ทางการเมืองเรื่องผลประโยชน์มึง-ผลประโยชน์กู
ทำไม “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ต้องเข้ามาช่วยรัฐบาลจัดหาวัคซีน?
ตรงนี้ พูดกันให้เห็นภาพ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็เหมือนภาคเอกชน ที่เคยเข้ามาช่วยรัฐบาลจัดหาวัคซีน
ทุกคนเข้าใจ เห็นด้วยและสนับสนุน
แต่ปรากฏว่า ติดต่อแล้ว ไม่มีเจ้าไหนขายให้ เขาจะขายเฉพาะกับหน่วยงานรัฐเท่านั้น
เพราะ วัคซีนที่ผลิตตอนนี้ เป็นวัคซีนฉุกเฉิน ยังไม่รับประกันผลและอันตรายที่อาจมีได้
เรียกว่า “ฉีดแล้วตาย” เขาไม่รับผิดชอบ
จะฟ้องร้องเขาก็ไม่ได้ ฉะนั้น ต้องเป็นการขายกับรัฐบาล ที่มีกฎหมายรองรับโดยตรงเท่านั้น เรื่องก็จบไป
นี่อย่างหนึ่งละนะ….
อีกอย่าง ขอถามว่า อย่าง “คุณหมอเหรียญทอง” แห่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ตั้งโรงพยาบาลสนาม
ทุกคนก็ชื่นชม ว่าเป็นการ “ช่วยรัฐ-ช่วยราษฏร์” ด้วยกันในสถานการณ์โควิดระบาดหนัก
ไม่มีใครคิดต่ำทรามว่า นั่น…รัฐบาลล้มเหลว หมอเหรียญทองจึงต้องเข้ามาช่วย
หรืออย่างชาวบ้าน, ดารา เช่น อาร์ต พศุตม์ และ “บอย-พีชเมกเกอร์ เจี๊ยบ-พิจิตรา” ทำรถพุ่มพวงออกแจกอาหารชาวบ้าน
ก็มีแต่คนชม ไทยด้วยกัน “ไม่ทอดทิ้งกัน” ยามทุกข์ยาก มีมาก-มีน้อย “แต่มีน้ำใจ” ก็ช่วยเหลือเฟือฟายกันไป สาธุ..!
แล้วมีใครยกเป็นเหตุไปด่ารัฐบาลมั้ย?
ก็ไม่มี เพราะเรื่องเช่นนี้ คนที่มีความเป็นคน เข้าใจในเจตนาได้ โดยไม่ต้องอธิบายความ
เมื่อเราใช้ความรับรู้นั้นย้อนมอง “วิทยาลัยจุฬาภรณ์” เข้ามาช่วยจัดหาวัคซีน ก็จะเข้าใจ หมดสงสัยในประเด็นที่ “คนใจคับแคบ” ตั้งโจทย์
บ้านเมืองตอนนี้ มีแต่พวก “จ้องล้มสถาบัน” เท่านั้น
ที่หยิบการช่วยเหลือประชาชนด้านต่างๆ ทั้งของล้นเกล้าฯ “รัชกาลที่ ๙” และในหลวงองค์ปัจจุบัน
ไปเสี้ยมเป็นคำกล่าวร้ายให้เกิดทัศนคติขัดแย้งเชิง “ปฏิปักษ์อำนาจ” ระหว่างสถาบันกับรัฐบาล
เราทั้งหลาย ต้องเข้าใจให้ทันโจร
โจรยุค ๓ นิ้วโทนาฟ มันไม่ปล้นคน-ปล้นบ้านแล้ว
แต่มันถึงขั้น “เผาบ้าน-เผาเมือง” ล้มประเทศ-ล้มสถาบัน ระยำไปถึงขั้นนั้นเลย!
ที่ต้องออกราชกิจจานุเบกษารับรอง “ราชวิทยาลัยจุฬากรณ์” เหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ ตรงๆ ไม่ซับซ้อนทางเบื้องหน้า-เบื้องหลัง ก็คือ
ให้มีคุณสมบัติด้วยสถานะทัดเทียมรัฐ เพื่อไปเจรจา-ติดต่อซื้อวัคซีนกับบริษัทต่างๆได้ตามเงื่อนไขของเขา
พูดกันตรงๆ วัคซีนทุกเจ้าตอนนี้
เต็มที่แล้ว รัฐบาลก็ดีลได้ผลเท่าที่เห็น-ที่เป็นนี่แหละ คือได้แน่…แต่เมื่อไหร่เอาแน่นอนยังไม่ได้
เมื่อ “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ลงมาช่วยอีกแรง ด้วยน้ำหนัก “สถาบันจุฬาภรณ์”
ผลก็อย่างที่ทราบ……..
วัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ของรัฐบาลจีนโดยตรง เป็น ๑ ใน ๖ ราย ที่ “องค์การอนามัยโลก” รับรองประสิทธิผลแล้ว
จีนจะส่งมาให้ไทยก่อนจำนวนหนึ่งในเร็ววัน!
ไม่ต้องพูดถึง ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา ที่มีแต่รูป พณฯ นั่งเจรจากับเขามาโชว์เป็นปลาเค็มแขวนขื่อ
วัคซีน “สปุตนิก วี” ของรัสเซีย ที่รอคอยกันนักหนาก็เถอะ
ด้วยศักยภาพสถาบันจุฬาภรณ์ จะช่วยรัฐบาลนำมาฉีดให้ประชาชนได้แน่นอนมากขึ้น
และย้ำหัวตะปูเป็นวัคซีนป้องกันเฟกนิวส์ไว้ล่วงหน้าเลย
ทั้งหมดนี้ หลักการมีว่า….
- ต้องเพื่อประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง
- ต้องสอดคล้องนโยบายรัฐบาล, มติครม.และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
- ต้องรายงานให้ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และนายกฯเป็นระยะในทุกขั้นตอน
- ต้องผ่านอย.ในการนำเข้า
และที่สำคัญต้อง “เน้น” ไว้เลย
งบประมาณในการจัดซื้อทั้งหมด เป็นงบของ “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” เอง
“ไม่ได้ใช้งบรัฐบาล” เลย!
และการเข้ามาสนับสนุนรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนนี้ เฉพาะกิจ “ชั่วคราว” เท่านั้น เมื่อไทยผลิตวัคซีนได้เองแล้วก็เลิก
นี่ว่าไปตามความเข้าใจของผม ทางที่ดี วันนี้ (๒๘ พค.) ฟัง “ศ.ดร.นิธิ มหานนท์” เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แถลงดีกว่า
เห็นว่ารัฐมนตรีสาธารณสุขกับเลขาฯ อย.ร่วมแถลงด้วย
ก็ว่ากันไป
ชาวบ้านน่ะ “เข้าใจ” การเข้ามาช่วยของสถาบันจุฬากรณ์
แต่ “นักการเมือง” เขาจะเข้าใจแบบไหน
ไว้ให้ผมเป็นก่อน…….
แล้วจะสะท้อน “ตัณหานักการเมือง” ให้ฟัง!