6 ธันวาคม 2568 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝนฟ้าอากาศในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยระบุว่า พื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นภูมิภาคที่ “เข้าสู่ฤดูฝนช้าที่สุดของประเทศ” และมักมีระยะเวลาฝนตกยาวนานไม่น้อยกว่าสองเดือน แตกต่างจากจังหวัดอื่นที่เข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว
นายพิพัฒน์ อธิบายว่า ปรากฏการณ์ฝนหนักในภาคใต้ตอนล่างเกิดจาก มวลอากาศเย็นจากจีน ที่แผ่ลงมาปะทะกับอากาศร้อนชื้นในภาคใต้ เมื่อใดที่อุณหภูมิในประเทศไทยลดลงอยู่ที่ประมาณ 18–20 องศาเซลเซียส มักเป็นสัญญาณชัดเจนว่า พื้นที่ชายแดนใต้จะเกิดฝนตกหนักและลมมรสุมพัดต่อเนื่องลงไปถึงประเทศมาเลเซีย
นี่จึงเป็น “องค์ความรู้ภูมิอากาศของภาคใต้ตอนล่าง” ที่ใช้สังเกตกันมาแต่เดิมว่า เมื่อภาคกลางเริ่มหนาว ภาคใต้ตอนล่างจะเริ่มมีฝนตกหนัก และเป็นเหตุผลที่กระทรวงคมนาคมต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า
นายพิพัฒน์ สั่งการต่อให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งกรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กรมเจ้าท่า (จท.) และหน่วยงานในพื้นที่ ลงสำรวจพื้นที่ประสบภัยทุกรายการ เร่งสำรวจความเสียหาย เตรียมงบซ่อมถนน ฟื้นโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่ประสบภัย ทั้งถนนที่ชำรุด สะพานขาด ทางเชื่อมหมู่บ้าน–อำเภอ–จังหวัด รวมถึงประสิทธิภาพการระบายน้ำของคลองและปากแม่น้ำ
หากงบประมาณกลางยังไม่ลงมา ให้ทุกหน่วย ใช้งบคงค้างและงบที่เหลืออยู่ในปีปัจจุบัน เพื่อซ่อมแซมเร่งด่วน
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมจัดทำ งบประมาณซ่อมแซมเบื้องต้นกว่า 3,000 ล้านบาท สและจะต้องเพิ่มเติมรายละเอียดหลังน้ำลดในทุกจุดเสียหาย โดยเฉพาะถนนชุมชน ถนนหมู่บ้าน และเส้นทางเชื่อมเศรษฐกิจที่ประชาชนใช้ในชีวิตประจำวัน จะต้องได้รับการซ่อมแซมโดยเร็วที่สุด รวมถึงได้ กำชับกรมเจ้าท่าให้สำรวจปากแม่น้ำและคูคลองทุกสาย ว่าจุดใดมีสันดอนสะสม จุดใดระบายน้ำได้ล่าช้า จุดใดต้องขุดลอกหรือดึงเลนออกเพื่อเร่งระบายลงทะเลได้มากขึ้น เพื่อให้พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างสามารถรับมือฝนระลอกใหม่ และลดโอกาสเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมทั้งระบบ ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำซากเกิดขึ้นอีก.
