ทำไม ‘ลุงตู่’ ต้องออก? – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตกใจ!

            การเมืองมันไปถึงขั้นนี้แล้วหรือ

วานนี้ “จตุพร พรหมพันธุ์” พาทีม “ไทยไม่ทน” บุกพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

            เหตุผล…เพื่อเห็นแก่ชาติและประชาชน

            ยื่นหนังสือแบบธรรมดาโลกไม่จำครับ

            ต้องทะเลาะติดปลายนวมด้วย!

            คงเห็นคลิปเห็นข่าวกันไปแล้วนะครับ ฉากที่ “จตุพร”  พ่นใส่ “แทนคุณ จิตต์อิสระ” มีตำแหน่งแห่งหนเป็น คณะทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมารับหนังสือแทน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” มันเป็นเรื่องบ้าบอ และสิ้นคิด

            ไปยื่นหนังสือขอร้องให้เขาตอบสนองความคิดตัวเอง  แต่กลับไปยืนชี้หน้าด่าเขาถึงหน้าบ้าน

            พัฒนาการทางการเมืองไทย นับวันยิ่งแย่ลงจริงๆ

            มีแต่การเปิดประเด็นสร้างความขัดแย้งซ้ำซาก

            การเมืองไทยในภาพรวม ไม่ใช่การเมืองที่พัฒนาแล้ว  ฉะนั้นปัญหาการเรียกร้องเอาอะไรจากฝ่ายการเมือง ต้องทำใจ เพราะทุกยุคทุกสมัยส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการตอบสนอง

            โดยเฉพาะการขอให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้

            ยกเว้นพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่เล่นการเมืองแบบพิตบูลสายกัด

            ไม่ใช่ดุ แต่งับไปเรื่อย จนไม่รู้ตัวเองอยู่ฝ่ายไหนกันแน่

            “จตุพร” รวมถึง อดุลย์ เขียวบริบูรณ์, วีระ สมความคิด และคณะ เล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าการยื่นหนังสือให้พรรคประชาธิปัตย์ ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลนั้น การตอบสนองเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์

            ฉะนั้นเป้าหมายจึงไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัว

            แต่อยู่ที่การเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างหาก

            “จตุพร” ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ๑๐ ปี การเคลื่อนไหวเพื่อให้ตัวเองมีตำแหน่งทางการเมืองจึงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

            แล้วมีเป้าหมายอะไร?

            รับงานใครมา

            หรือทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ

            อากัปกิริยาปะทะกับ อี้-แทนคุณ หน้าพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะมีนัยบางอย่างแอบซ่อนอยู่

            เพราะการเข้าไปแสดงอาการเดือดดาลในบ้านคนอื่น  สำหรับปุถุชนทั่วไปที่ไปขอความช่วยเหลือเขา ใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ หากไม่มีเบื้องหลัง เป็นตัวจุดชนวน

            “จตุพร” กับพวก ยกทีมเสนอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พร้อมเปิดศึกกับเจ้าของบ้าน มองอย่างไรก็เห็นแต่ความขัดแย้ง เพราะซ่อนเจตนาที่แท้จริงเอาไว้นั่นเอง

            การเมืองเป็นเรื่องรู้เขารู้เรา และ “จตุพร” ก็รู้ว่า สถานการณ์แบบนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนบ้าจี้ลาออกแน่นอน

            เพราะองคาพยพของรัฐบาลในสถานการณ์ปัจจุบันมีเรื่องต้องรับผิดชอบ มากกว่าการลาออกตามกระแสเรียกร้องของคนเฉพาะกลุ่ม

            ถามว่า “จตุพร” รู้หรือเปล่า

            รู้ครับ!

            ฉะนั้นกลับไปที่เป้าหมายของ “จตุพร”

            การที่ “จตุพร” พยายามชูจุดขายว่า อดีต กปปส.ก็เริ่มไม่พอใจ รัฐบาลลุงตู่ และหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลลาออก คือการขยายสถานการณ์ให้เห็นว่า ไม่ใช่ นปช.เท่านั้น ที่ต้องการเอา  “ลุงตู่” ลงจากตำแหน่ง

            แม้แต่ กปปส. ซึ่งเป็นมวลชนขั้วตรงข้าม นปช.ก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน

            มุมหนึ่ง “จตุพร” มีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายในการเคลื่อนไหวให้กว้างขึ้น เพราะรู้ดีว่า นปช.หมดพลังแล้ว คนเสื้อแดงหลายจังหวัดถูกสลาย โดยอดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่แปรพักตร์ไปอยู่กับรัฐบาล

            อีกทั้งคนเสื้อแดงจำนวนมากแคลงใจในท่าที “จตุพร”

            ฉะนั้นสถานการณ์ขณะนี้คล้ายๆ กับ “จตุพร” กำลังสร้างบ้านใหม่

            เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งทางการเมือง

            แต่อยู่ที่การกลับขึ้นไปสู่การเป็นผู้นำมวลชนอีกครั้ง

            สำหรับ “จตุพร” แล้ว การเป็นผู้นำมวลชนคือการบรรลุเป้าหมายอื่นๆ ได้

            ส่วนอดีตแกนนำ กปปส.บางส่วน ไล่ “ลุงตู่” ผมไม่แปลกใจ และต้องคารวะที่ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์

            เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำครับ เพราะเป็นการพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นว่า กปปส.ไม่ได้เห็นด้วยกับการรัฐประหารตั้งแต่แรก

            ที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงในหมู่คนที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ว่า กปปส.สมคบคิดกับกองทัพ ทำรัฐประหาร

            หลายครั้งมีการเรียกร้องให้ นักการเมือง ดารา เซเลบ แสดงความรับผิดชอบ โทษฐานเคยเป่านกหวีดกับ กปปส.

            กปปส.ไม่ใช่มวลชนสนตะพาย แต่เป็นมวลชนที่กลั่นทางความคิด 

            ไม่ใช่มวลชนที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือพรรคการเมืองในการชิงอำนาจ แต่เป็นภาคต่อของคนเสื้อเหลือง ที่ต่อต้านระบอบทักษิณยาวนานกว่าสิบปี

            การเรียกร้องให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ลาออก ขณะนั้นไม่มีใครคิดเรื่้องรัฐประหาร

            แต่เมื่อการเมืองถึงทางตัน เพราะทุกฝ่ายบีบให้เป็นเช่นนั้น รัฐประหารจึงเกิดขึ้น

            ฉะนั้นการที่ “จตุพร” เรียกร้องให้ “ลุงตู่” ลาออกวันนี้  ต้องลองย้อนกลับไปในวันที่ มวลมหาประชาชนเรือนล้าน ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย

            ขณะนั้นไม่มีโรคโควิด มีแต่โรคโกง

            แล้ว “ยิ่งลักษณ์” ลาออกหรือเปล่า?

            “จตุพร” และคณะพูดถึงข้อเสียมากมายหาก “ลุงตู่”  ไม่ลาออก

            ถึงขั้นจะพาประเทศสู่หายนะ

            ลองคิดกลับกันถ้า ๗ ปีที่แล้ว “ยิ่งลักษณ์” ลาออก จะมีรัฐประหารหรือไม่

            ถ้าวันนั้นการเมืองแก้ด้วยการเมือง วันนี้ “ลุงตู่” จะเป็นนายกรัฐมนตรี ย่างเข้าปีที่ ๘ เทียบเท่า “ป๋าเปรม” หรือเปล่า

            ฉะนั้นการมาเรียกร้องให้ใครยอมแสดงความรับผิดชอบ ที่ทำให้ “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ควรเป็นความรับผิดชอบของทุกคน

            และไม่จำเป็นต้องบีบให้ใครขอโทษ โทษฐานสร้างรัฐบาลลุงตู่ขึ้นมา เหมือนที่องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ภายใต้การนำของ “เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล” พยายามลักไก่ คิดแทนคนอื่น

            ครับ…ที่ผ่านมา “จตุพร” เคยยอมรับการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลโดยผ่านกลไกสภาหรือเปล่า ถ้ายอมรับ เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองคงไม่เกิดขึ้น

            สถานการณ์ของประเทศในปัจจุบันอยู่ในวิกฤติโรคระบาด          

            ทางออกไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาล

            แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิดของคนทำงานการเมือง

            ไม่เช่นนั้น…เจี๊ยะป้าบ่อสื่อ.

Written By
More from pp
ด่วน!!!! โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ สุขุมวิท จัดงาน Recruitment Day รับสมัครงานหลายตำแหน่ง พร้อมสัมภาษณ์และฟังผลได้เลยภายในวันเดียว
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ สุขุมวิท หนึ่งในโรงแรมและรีสอร์ตของไอเอชจี (IHG Hotels & Resorts) หนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกด้านธุรกิจโรงแรม
Read More
0 replies on “ทำไม ‘ลุงตู่’ ต้องออก? – ผักกาดหอม”