กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานรัฐและเอกชน มีมาตรการคัดกรองพนักงานที่เดินทางกลับหลังเทศกาลสงกรานต์ มีมาตรการองค์กรป้องกันการแพร่เชื้อในที่ทำงาน หากเสี่ยงสูงแนะทำงานที่บ้าน มีแผนรองรับหากพบผู้ติดเชื้อ แนะกลุ่มผู้เสี่ยงสูง/ผู้รอผลตรวจ กักตัว 14 วัน ป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
17 เมษายน 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,547 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 1,316 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 228 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 90 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่เมษายน 2564 ตั้งแต่วันที่ 1–17 เมษายน 2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 11,722 ราย หายป่วยแล้ว 1,144 ราย และเสียชีวิตสะสม 5 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 2 รายวันนี้ เป็นรายที่ 4 และ 5 ของระลอกเมษายน รายที่ 1 เป็นชายไทย อายุ 38 ปี จ.ตาก มีโรคประจำตัว คือโรคอ้วน เป็นผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 รายที่ 2 ชายไทย อายุ 51 ปี จ.ปทุมธานี มีโรคประจำตัว คือโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยันก่อนหน้า เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564
นพ.จักรรัฐ กล่าวต่อว่าสถานการณ์โรคโควิด 19 ขณะนี้ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยอาการรุนแรงและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน ที่มีกิจกรรมมาก และเดินทางไปหลายพื้นที่ ทำให้มีแนวโน้มระบาดต่อเนื่องไปในองค์กรและสถานประกอบการได้ คล้ายกับกรณีเกิดการระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร
จึงขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ ท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ห้างร้าน ร่วมมือกันลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์ โดยจัดทำมาตรการทำงานที่บ้าน (work from home) อย่างน้อย 30-50 เปอร์เซ็นต์ คัดกรองพนักงานที่เดินทางกลับจากภูมิลำเนา หากมีประวัติไปสถานที่เสี่ยง สถานบันเทิง หรือมีประวัติใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 และกักตัวอยู่ที่บ้าน ให้ครบ 14 วัน รวมทั้งเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ สแกนไทยชนะ
“ขอให้ทุกหน่วยงาน งดกิจกรรมรวมกลุ่ม งดเลี้ยงสังสรรค์ เว้นระยะห่างขณะรับประทานอาหารแยกภาชนะของใช้ส่วนตัว ประชุมผ่านระบบออนไลน์ จัดจุดวัดอุณหภูมิ จุดล้างมือ ให้พนักงานประเมินความเสี่ยงประจำวัน ทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์ จุดสัมผัส หากพนักงานมีอาการทางเดินหายใจ ให้รีบพบแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันที โดยให้แจ้งพนักงานทุกคนทราบ และหากพบติดเชื้อ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขทราบทันที และทำความสะอาดพื้นที่ อุปกรณ์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นพ.จักรรัฐกล่าว
ด้าน นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวง สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มีการกระจายไปทั่วประเทศ ขอให้ประชาชนสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย และกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง บางรายมีไข้สูง ไอ หอบ เหนื่อย หรือมีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หอบเหนื่อย
นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวที่มีอาการเจ็บหน้าอกเฉียบพลัน ให้รีบไปตรวจหาเชื้อทันที หากพบเชื้อจะได้เข้าสู่ระบบการรักษาทันที สำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด 19 และกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงแต่ไม่มีอาการ หรือผู้ที่มีอาการ ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอไม่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด 19 และไม่ได้มาจากพื้นที่เสี่ยง แนะนำให้กักตนเองเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน หากมีข้อสงสัยโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
“สำหรับผู้ที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อแล้ว ขณะรอผลตรวจ หรือผลครั้งแรกเป็นลบ ให้กักตัวครบ 14 วัน และเคร่งครัดในการปฏิบัติตน ดังนี้ งดกิจกรรมนอกบ้าน เว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 -2 เมตร, แยกของกิน ของใช้ ห้องนอน ห้องน้ำ, หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่นและสัตว์เลี้ยง, หากมีการสั่งของออนไลน์ให้ผู้ส่งวางของไว้หน้าบ้าน ไม่รับจากมือโดยตรง, ทำความสะอาดสถานที่กักตัว ด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ,
ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ขณะกักตัวและพบว่ามีอาการป่วย หรือได้รับแจ้งว่าผลเป็นบวก ให้โทร.ประสาน 1669 ไม่เดินทางด้วยรถสาธารณะ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามีประวัติเสี่ยงและป่วย เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป” นพ.รุ่งเรืองกล่าว