แม่ทัพภาคที่ 4 นำกำลังร่วม 3 ฝ่าย แถลงคุมเข้มสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังจับกุมแรงงานและขบวนการนำพาได้จำนวนมากในพื้นที่ จชต.

22 ม.ค.2564 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุมยะลารวมใจ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 9 และ นายชัยสิทธิ์ พาณิชย์พงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ร่วมแถลง มาตรการควบคุมสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและกวดขันจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว หลังจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าทางช่องทางธรรมชาติได้แล้ว กว่า 600 คน

โดยที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน มีสถิติการจับกุมจำนวน 86 ครั้ง จับกุมบุคคลต่างด้าวได้ 624 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมาร์ 408 คน กัมพูชา 64 คน ลาว 76 คน มาเลเซีย 21 คน เวียดนาม 45 คน บังคลาเทศ 1 คน สัญชาติจีน 2 คน และอื่นๆ 26 คน
ซึ่งสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ชายแดนระหว่างการข้ามแดน บริเวณด่านตรวจจุดสกัดในระหว่างการเคลื่อนย้าย และจากการพิสูจน์ทราบพื้นที่หลบซ่อนพักพิง ทั้งบริเวณแนวชายแดนและจุดพักคอยในพื้นที่ตอนใน พร้อมทั้งได้จับกุมผู้นำพาทั้งในระหว่างการเคลื่อนย้าย และระหว่างให้ที่พักพิง รวมทั้งสิ้นจำนวน 15 คน
นำไปสู่การพิสูจน์ทราบขยายผลบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าว จำนวน 13 ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดสงขลา และจังหวัดนครศรีธรรมราช
สำหรับรูปแบบการนำพากลุ่มบุคคลต่างด้าวข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อนำพาเดินทางออกจากประเทศมาเลเซีย ไปยังประเทศปลายทาง โดยขบวนการนำพาออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา เวียดนาม ลาว โดยมีการประสานงานระหว่างนายหน้าของฝั่งประเทศไทย และนายหน้าของฝั่งประเทศมาเลเซีย เพื่อรวบรวมบุคคลจากประเทศมาเลเซีย ที่ต้องการข้ามแดนมายังประเทศไทย


พร้อมนัดหมายการเดินทาง ก่อนลักลอบเข้าประเทศโดย ใช้ช่องทางธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำโก-ลก โดยเรือยนต์รับจ้าง ที่มีการนัดหมายกันล่วงหน้า เมื่อข้ามมาแล้วจะมีรถยนต์มารับเพื่อเดินทางต่อ โดยใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถตู้สาธารณะไม่ประจำทาง หรือลักลอบพักพิงอยู่ในพื้นที่ โดยจะใช้สถานที่ บ้านเช่า รีสอร์ท หรือ โรงแรม เพื่อรอการส่งต่ออีกทอดหนึ่งไปยังพื้นที่ตอนกลางของประเทศไทย ไปยังอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว หรือชายแดนจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อลักลอบข้ามแดนกลับประเทศของตนเองต่อไป
และกลุ่มขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ โดยจะมีจุดพักหลักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง คือพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ และอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ก่อนจะมีกลุ่มนำพารับส่งอีกทอดหนึ่งไปยังพื้นที่ จังหวัดระนอง เพื่อเดินทางไปประเทศเมียนมาร์ต่อไป
พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การควบคุมสกัดกั้น บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ได้มีการกวดขันจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดและควบคุมการปฏิบัติตามแนวชายแดน รวมทั้งเพิ่มมาตรการสกัดกั้นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยได้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธี ดูแลพื้นที่ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อพื้นที่อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอแว้ง
เพิ่มเติมด้วยการลาดตระเวนอย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้ว เสริมด้วยการสกัดกั้นทางน้ำ และเฝ้าตรวจแนวชายแดน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยได้บูรณาการกำลังและเครื่องมือกับทุกภาคส่วน ในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ เสริมกำลังตามแนวชายแดน เฝ้าระวังป้องกันจุดล่อแหลมที่เป็นช่องทางข้ามแดนตามธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ โดยเขตแดนแนวลำน้ำ ใช้กำลังชุดปฏิบัติการทางน้ำ ประสานงานร่วมกับทหารเรือ และตำรวจน้ำในการลาดตระเวนทางเรือ สำหรับในพื้นที่ป่าเขา จัดกำลังกองร้อยเฉพาะกิจ เสริมการปฏิบัติงานของกำลังป้องกันชายแดน เพิ่มเติมด้วยชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ ที่พบการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง
รวมถึงเสริมระบบไฟส่องสว่าง และเครื่องกีดขวาง ปิดช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนซ่อมแซมรั้วชายแดนที่ถูกทำลาย
นอกจากนี้ ในช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน ได้จัดตั้ง จุดตรวจ จุดสกัด รวมทั้งจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้น การลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนการดูแลพื้นที่ตอนใน ใช้การบูรณาการกำลังร่วมกันกับภาคส่วนต่างๆ ทั้ง ทหาร ตำรวจ ปกครอง และ อสม. ค้นหาเชิงรุกในชุมชนและหมู่บ้าน ตลอดจนสร้างความร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และจัดตั้งเครือข่ายภาคประชาชน เฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา ช่วยกันสกัดกั้นป้องกันตามแนวชายแดนเสริมอีกทางหนึ่ง
พร้อมชี้แจง สร้างความเข้าใจให้ประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่อง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เพื่อ “ตัดต้นตอของขบวนการนำพา” และเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ยกระดับมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน ควบคู่กับการสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน
จึงขอความร่วมมือ ร่วมกันตรวจตรา สอดส่องบุคคล ที่ฝ่าฝืนมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หากพบเห็นโปรดแจ้งได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหรือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้ทันที หรือโทรเข้ามายังหมายเลขสายด่วนแม่ทัพภาคที่ 4 ได้โดยตรง ที่หมายเลข 0611732999
อย่าเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่จะได้รับ ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหากพบเห็น เพื่อช่วยให้ประเทศของเราข้ามผ่านวิกฤต โควิด – 19 ระลอกใหม่นี้ไปด้วยกัน
Written By
More from pp
เรียลลิตี้แรลลี่ รับสงกรานต์ TrippingThailand ให้กล่องทรูไอดี ทีวี พาคุณเที่ยว นำทีมโดย ว่าน ธนกฤต ว่านไฉ อคิร ร่วมด้วย ฮั่น และ จียอน
อยู่บ้านก็สุขได้ ไปกับกล่องทรูไอดี ทีวี ที่มาพร้อมรายการใหม่เรียลลิตี้แรลลี่ TrippingThailand ที่จะพาผู้ชมไปสนุกกับ  WAN BROTHERS ว่าน ธนกฤต และ ว่านไฉ...
Read More
0 replies on “แม่ทัพภาคที่ 4 นำกำลังร่วม 3 ฝ่าย แถลงคุมเข้มสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังจับกุมแรงงานและขบวนการนำพาได้จำนวนมากในพื้นที่ จชต.”