ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
- เป็นใบไม้อีกใบที่ปลิดปลิว ในสายลมพลิ้วแผ่วยามฟ้าสาง
ชีวิตกับใบไม้ที่แบบบาง คิดคิดไปก็ไม่ต่างยามปลิดปลง
- จึงขอให้สุขุมดวงวิญญาณ จงสถิตทิพย์สถานอานิสงส์
ณ วิมานแดนวิจิตรบรรจง สุขุมยงคงสุขมั่นนิรันดร ฯ
นี่..เป็นบทกวีของคุณมานพ อุดมเดช ผู้กำกับภาพยนตร์มือรางวัล ที่ได้เขียนฝากไว้อาลัยให้แก่ดวงวิญญาณของ “สุขุม เมธาวนิช” ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ลาลับโลกไป
และเมื่อวันก่อนได้มีพิธีฌาปนกิจ ซึ่งก็มีคนในวงการบันเทิงโดยเฉพาะแวดวงภาพยนตร์ไปร่วมส่งดวงวิญญาณกันอย่างล้นหลาม
คุณสุขุม ไม่มีใครในวงการภาพยนตร์ไทยจะไม่รู้จักแก เพราะอยู่ในวงการมายาวนานเป็นครึ่งศตวรรษ สมบุกสมบันผ่านงานสร้างในตำแหน่งหน้าที่หลายอย่าง..
นับเป็นบุคคลากรที่เก่งชนิดเก๋าลายครามคนหนึ่งเลยก็ว่าได้!
ทั้งงานฉาก งานเขียนบท งานผู้ช่วยผู้กำกับ กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ มีผลงานหลายเรื่องทั้งดังและไม่ดัง จนหลังๆมาก็ล้าไปตามวัย ประกอบกับสภาพความตกต่ำของวงการ…
ผลงานก็เลยพลอยห่างแฟนหนังไทยไป ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากผู้กำกับฯคนอื่นๆนั่นแหละครับ!
ผมเอง ระยะหลังๆ ก็พลอยไม่ค่อยได้พบหน้าค่าตาคุณสุขุมถี่เหมือนแต่ก่อน แต่ก็พอจะได้ข่าวเรื่องสุขภาพของแกให้พอได้ทราบอยู่บ้าง ก็ไม่คิดว่าจะมาถึงวันที่ต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ถึงตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ญาติมิตรของคุณสุขุม และสิ่งเดียวที่อยากบอกเผื่อดวงวิญญาณผู้ตายจะรับรู้ได้..
นั่นคือ..ขอให้คุณสุขุมได้พักผ่อนสงบสุขอยู่บนสรวงสวรรค์นั้นเถิด!
คนเราก็แค่นี้..มีชีวิตอยู่เพื่อสู้ เพื่อความอยู่รอด คุณสุขุมก็น่าจะเหนื่อยมามากกับชีวิต ถึงเวลาก็กลับคืนสู่ธรรมชาติไป..สบาย!
ส่วนเรา-ผู้ที่ยังมีชีวิตก็คงจะต้องรับใช้กรรมกันต่อไป และไม่ว่าจะอย่างไร ชีวิตก็ยังมีค่า ฉะนั้นก็อย่าได้ประมาท ขอให้ใช้ชีวิตกันอย่างมีสติ และให้ดีต้องมีสตังค์ด้วย
วันนี้..อารมณ์หงอยๆซึมๆ ยังไงพิกล ยิ่งได้ฟังคนแก่-ผู้เฒ่า และอาจารย์-อาจมบางคนสำรากด้วยแล้ว ก็ยิ่งแทบหมดเรี่ยวหมดแรงจะคุย..
ก็..ขอสบถส่งท้ายคำเถอะ.. “ไอ้หัวเกียง”!