“อนุทิน” แจงเป้าหมายคุมโควิด 19 ไม่ได้ทำให้การติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่ต้องคุมไม่ให้ระบาด ถึงเวลาต้องรุกจัดการ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยันเป้าหมายคุมโควิด 19 ไม่ใช่ปิดประเทศ แล้วทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ไทยมีระบบตรวจจับและคัดกรองที่ดีเพื่อไม่ให้เกิดการระบาด ถึงเวลารุกโควิดกลับ ย้ำสวมหน้ากาก ล้างมือ ช่วยป้องกันการติดเชื้อ

เร่งศึกษาตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันเพื่อเสนอลดวันกักตัว เผยสยามไบโอไซเอนซ์เป็น Ideal Vaccine Factory นำมาสู่ความร่วมมือ ม.ออกซ์ฟอร์ด และแอสตราเซนเนกา ร่วมพัฒนาวัคซีนโควิดให้คนไทยเข้าถึง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรับมือสถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทย ว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ต่อสู้กับโรคโควิด 19 ทำให้วันนี้เรารู้จุดแข็งจุดอ่อนของไวรัสนี้แล้ว รู้ว่าการสวมหน้ากากอนามัยไวรัสทำอะไรเราไม่ได้มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีหลุดก็แค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งเรารับมือได้

ดังนั้น การทำทุกอย่างไม่ให้มีการติดเชื้อในประเทศ เป็น 0 เปอร์เซนต์จึงไม่ใช่เป้าหมายที่ถูกต้อง เราต้องเล็งเป้าหมายใหม่ ทุกวันนี้เรามีระบบการตรวจจับและคัดกรองที่ดีเยี่ยม ขอให้มีการเข้าประเทศอย่างถูกวิธีเราตรวจจับได้ทั้งหมด สามารถจัดการโรคโควิด 19 ได้ ขอเพียงเราสวมหน้ากากและล้างมือบ่อยๆ ส่วนการเข้ามาอย่างผิดวิธี เป็นหน้าที่ฝ่ายปกครองและความมั่นคง

รวมถึงเป็นการสนับสนุนของ อสม.และประชาชนในการเฝ้าระวังคนแปลกปลอม อย่างไรก็ตาม แม้จะพบผู้ติดเชื้อเข้ามา ก็อย่าได้ตื่นตระหนก เรามีระบบตรวจจับและควบคุมโรคที่รวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง

นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ให้แก่คนไทย ขณะนี้มีการลงนามเซ็นสัญญาร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสตราเซนเนกา จำกัด ซึ่งมาจากการที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและแอสตราเซนเนกามาตรวจโรงงานของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์แล้วบอกว่านี่คือ “Ideal Vaccine Factory”

ถือว่าเป็นโรงงานผลิตวัคซีนดีเลิศสมบูรณ์แบบ ทำให้เกิดความร่วมมือกัน โดยการพัฒนาค้นคว้าทดลองวิจัยเป็นเรื่องผู้ผลิตวัคซีน เมื่อได้สูตรต้องนำมาให้สยามไบโอไซเอนซ์ผลิต ซึ่งจะเป็นการผลิตวัคซีนในประเทศเอง โดยผลิตได้ 100-200 ล้านโดสในระยะเวลาที่กำหนดสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคใกล้เคียง และกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งรัดหน่วยงานในสังกัด เช่น

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทั้งการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัย รวมถึงการขึ้นทะเบียน และให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเตรียมงบประมาณ


“จากนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องบุกโควิด 19 บ้าง แม้ในวันที่ไม่มีวัคซีนต้องปฏิบัติตนอย่างไร ดูแลประเทศอย่างไร ต้องเข้าใจว่าจะอยู่กับโรคนี้อย่างไร และอีก 1-2 สัปดาห์ การศึกษาระหว่างกรมควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกัน หากมีความแม่นยำ มีประสิทธิภาพ ก็จะเสนอเพื่อลดวันกักตัวลง นี่คือสิ่งที่ทำอยู่ ไมใช่ทำทุกอย่างเป็น 0 แล้วปิดประเทศ นี่ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล

การที่เรามีการตรวจที่ประสิทธิภาพ แม่นยำ และช่วยให้ลดเวลากักตัวลงได้ถือเป็นข่าวดีมาก ซึ่งผมต้องการให้ประเทศไทยเป็นผู้นำบ้าง ไม่ใช่ตามวิธีการของประเทศอื่น ถึงเวลาที่เราต้องเป็นตัวอย่างแล้วให้ประเทศอื่นบอกว่าประเทศไทยเขาไปอย่างนี้แล้ว ต้องเป็นผู้นำบ้าง อย่าไปกลัว คิดอะไรได้ดี และทุกคนเห็นชอบก็ต้องเดินหน้า เราต้องกล้าเป็นคนนำในทุกมิติ ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ปลอดภัย และก้าวออกจากยุคโควิด 19 ด้วยความมั่นใจ มั่นคง เป็นที่ยอมรับในทุกประเทศ” นายอนุทินกล่าว

Written By
More from pp
ศปช.เร่งเครื่องตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี หลังการลงพื้นที่ จ.นครศรีฯ และสุราษฎร์ฯกำชับเงิน 9,000 บาทต้องถึงมือประชาชนโดยเร็ว
18 ธันวาคม 2567 นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการลงพื้นที่ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ จ.นครศรีธรรมราช...
Read More
0 replies on ““อนุทิน” แจงเป้าหมายคุมโควิด 19 ไม่ได้ทำให้การติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่ต้องคุมไม่ให้ระบาด ถึงเวลาต้องรุกจัดการ”