3 กันยายน 2563 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ซึ่งมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย คนละไม่เกิน 3,000 บาท จำนวน 15 ล้านคน ว่า
เศรษฐกิจไทยหยุดนิ่งท่ามกลางวิกฤติมา 1 เดือน รัฐบาลได้ทีมเศรษฐกิจใหม่มาแล้วเกือบครบ 1 เดือน แต่การแก้วิกฤติเศรษฐกิจจากโควิด-19 ยังไม่มีอะไรใหม่ เหมือนยังไม่ได้เริ่มทำงาน แม้จะปรับ ครม. จะตั้ง ศบศ. ก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้การแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจดีขึ้น
ทั้ง ครม.เศรษฐกิจ ครม.หลัก หรือ ศบศ. ถ้าคิดได้เพียงเท่านี้ คือเน้นการแจกเงินเหมือนเดิม จะไปขับไล่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และทีมรัฐมนตรี 4 กุมาร ออกไปทำไม เสียเวลาประเทศชาติ ประชาชนเสียโอกาส ชิมช้อปใช้ กลายเป็น เจ๊ง เซ้ง ขาย หมดแล้ว
รัฐบาลยังจะนำโมเดลแก้เศรษฐกิจแบบเน้นการแจกเงินกลับมาใช้ตลอด โครงสร้างเศรษฐกิจที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าก่อนหน้านี้ แต่รัฐบาลก็ยังคิดและทำซ้ำๆ แต่แบบเดิม เป็นประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลวเดินซ้ำรอยเดิม การบริหารแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของ ศบศ. ถ้ายังขืนพายเรือวนอยู่ในอ่างแบบนี้ เห็นทีวิกฤติเศรษฐกิจไทยจะหนักหนาสาหัสกว่าที่เป็นอยู่มาก
การแจกเงิน คนได้ก็ดีใจ คนไม่ได้ก็ต้องไปร้องว่าไม่โปร่งใส ใช้หลักการใดในการคัดกรอง ใช้เอไอ หรือใช้คนคัด แทนที่จะแจกปลา รัฐบาลควรแจกเบ็ด สร้างโอกาสให้ประชาชนได้สร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างยั่งยืน แจกเงินแต่ละครั้ง ทุนใหญ่ได้ประโยชน์ ประชาชนตั้งคำถามเหมือนเตรียมการซื้อเสียงล่วงหน้า ก่อหนี้ สร้างภาระให้คนรุ่นต่อไปไม่สิ้นสุด