กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการพัฒนารูปแบบเฝ้าระวังการกลับมาระบาดซ้ำของโรคเท้าช้างในอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส โดยการกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันไม่ให้มีการกลับมาระบาดซ้ำ เพราะหากขาดการเฝ้าระวังที่ดีจะมีโอกาสที่ทำให้โรคเท้าช้างกลับมาระบาดซ้ำได้สูง เนื่องจากอำเภอสุไหงปาดียังคงมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและเอื้อต่อการเกิดโรคอยู่
วันนี้ (23 ธันวาคม 2562) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปี 2562 นี้ กรมควบคุมโรคได้รับรางวัลผลงานคุณภาพจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) จำนวน 8 รางวัล ซึ่งเป็นรางวัลระดับประเทศ และหนึ่งในนั้นคือ รางวัลเลิศรัฐ สาขาบริการภาครัฐแห่งชาติระดับดี ได้แก่ผลงาน รูปแบบเฝ้าระวังการกลับมาระบาดซ้ำของโรคเท้าช้างในอำเภอสุไหงปาดี ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา
นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า โรคเท้าช้างเป็นโรคประจำถิ่นของจังหวัดนราธิวาส มีอัตราความชุกของโรคสูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นจังหวัดเดียวที่ยังคงตรวจพบเชื้อพยาธิไมโครฟิลาเรียอยู่ ถึงแม้ว่าองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ประเทศไทยประสบผลสำเร็จในการกำจัดโรคเท้าช้างไปแล้วในเดือนกันยายน ปี 2560 ก็ตาม แต่เนื่องจาก อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส มีแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงที่เป็นพาหะขนาดใหญ่อยู่ และประชากรที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการถูกยุงกัดตลอดเวลา จึงมีโอกาสรับเชื้อพยาธิโรคเท้าช้างได้สูงมากกว่าพื้นที่อื่น
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12) จึงพัฒนารูปแบบเฝ้าระวังการกลับมาระบาดซ้ำของโรคเท้าช้าง โดยการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ เข้าดำเนินการเจาะเลือดค้นหาผู้ติดเชื้อพยาธิโรคเท้าช้างด้วยการใช้ชุดตรวจแบบเร็วสำเร็จรูป และทำฟิล์มเลือดหนา ในเขตรับผิดชอบของตนเอง ทำให้มีความครอบคลุม และได้ผลตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยในปี 2561 สามารถตรวจพบผู้ติดเชื้อพยาธิโรคเท้าช้างจำนวน 8 ราย ดังนี้
อำเภอสุไหงโก-ลก พบผู้ติดเชื้อจำนวน 4 ราย อำเภอสุไหงปาดี พบผู้ติดเชื้อจำนวน 3 ราย และอำเภอตากใบ พบผู้ติดเชื้อจำนวน 1 ราย ตามลำดับ
ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำมาก ไม่เป็นปัญหาสาธารณสุข และผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาทันที
นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวต่อไปว่า การพัฒนารูปแบบแนวทางดังกล่าวโดยให้ (อสม.) ดำเนินการเจาะเลือดและติดตามผลการเจาะเลือดซ้ำในผู้ป่วยที่ติดเชื้อพยาธิโรคเท้าช้าง เป็นแนวทางการควบคุมโรค โดย (อสม.) ต้องให้ความร่วมมือเข้ามาช่วยในการดำเนินการ และเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันให้ประชาชนได้รับการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเท้าช้างได้อย่างทันเวลา ก่อนนำไปสู่ความพิการในอนาคต ซึ่งถ้าคนในชุมชนไม่ป่วยเป็นโรคเท้าช้าง และไม่เกิดความพิการ ก็จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี รายได้เศรษฐกิจก็จะดีตามมา ค่าใช้จ่ายในระบบบริการสาธารณสุขก็จะลดลง ซึ่งสอดคล้องและเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การอนามัยโลกต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422