จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฏหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลกอลำ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ตรวจยึดที่พักชั่วคราวและอุปกรณ์ยังชีพได้หลายรายการ และได้เกิดการปะทะกับกลุ่มคนร้ายหลายระลอก ทำให้คนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 2 ราย และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น
โดยเจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังเข้าบังคับใช้กฎหมายบริเวณโดยรอบ เพื่อกระชับพื้นที่ควบคู่การเจรจา เพื่อให้คนร้ายมอบตัว จนกระทั่งวันที่ 15 สิงหาคม 2563 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ พบความเคลื่อนไหวคนร้าย 3 คน หลบอยู่ในทุ่งนาและเกิดการปะทะขึ้นอีกหลายระลอก กระทั่งเมื่อช่วงเย็นพบคนร้ายถูกวิสามัญเพิ่มอีก 2 ราย รวม 4 รา
ล่าสุด เช้าวันนี้ (16 สิงหาคม 2563) พลตำรวจโท รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วย พลตรี เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, พลตรี ปิยะพงษ์ วงศ์จันทร์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี, พันเอก คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางเข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุปะทะ หลังได้รับรายงานว่า พบศพคนร้ายรายที่ 5 นอนเสียชีวิตในทุ่งนา พร้อมพบอาวุธปืนสงครามข้างกาย จำนวน 1 กระบอก
โดยขณะเจ้าหน้าได้จัดเข้าเคลียร์พื้นที่ พร้อมเข้าตรวจสอบบริเวณสถานที่พบในวันแรกโดยละเอียด พบคนร้ายเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่า น่าจะได้รับบาดเจ็บจากการปะทะและตลอดหลายวันต้องอยู่ในทุ่งนามีน้ำขังประกอบกับขาดอาหารและน้ำ จึงเป็นเหตุให้ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต รวม 3 วัน คนร้ายเสียชีวิต 7 ราย
พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เปิดเผยว่า ภารกิจตลอด 3 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐมีความพยายามปฏิบัติตามแนวทางของแม่ทัพภาคที่ 4 ด้วยการเชิญผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น มาเจรจาเกลี้ยกล่อมโดยตลอด เพื่อให้คนร้ายออกมามอบตัว แต่ก็ไม่เป็นผล คนร้ายได้ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ จนนำไปสู่การวิสามัญ ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (16 สิงหาคม 2563) พบคนร้ายเสียชีวิตจากการวิสามัญจำนวนทั้งสิ้น 7 ราย ทราบชื่อ ยืนยันแล้ว 3 รายคือ นายอันวา กอแล, นายมะซูกี สารูเม๊าะ และ นายมาสุวัน กะจิ ส่วนอีก 4 ราย อยู่ระหว่างการยืนยันตัวบุคคล นอกจากนี้ยังตรวจยึดอาวุธได้จำนวน 9 กระบอก ประกอบด้วย อาวุธปืนสงคราม จำนวน 5 กระบอก และอาวุธปืนพกอีก จำนวน 4 กระบอ
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอแสดงความเสียใจมายังญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย และไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ทั้งนี้ตลอดทั้ง 3 วัน เจ้าหน้าที่ได้พยายามบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนักมาโดยตลอด แต่คนร้ายเลือกใช้ความรุนแรงในการตอบโต้จนทำเกิดความสูญเสียดังกล่าว
โดย พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดทั้ง 3 วัน พร้อมสั่งการให้หน่วยปรับแผน พร้อมบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ให้ปฏิบัติทุกขั้นตอนด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พร้อมทั้งชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยเฉพาะผู้ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ทั้ง 3 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ เพื่อรักษาสงบสุขให้กับพื้นที่
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้สั่งให้งานมวลชนเร่งเข้าไปสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ โดยรอบบริเวณที่มีการปะทะ พร้อมให้อำเภอยะรัง ตั้งโต๊ะรับสำรวจความเสียหายของทรัพย์สินที่เกิดจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การดูแลเยียวยาต่อไป
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัย โดยได้เข้าตรวจสอบยังฐานปฏิบัติการที่ตรวจยึดไว้ตั้งแต่วันแรกที่มีการปะทะโดยละเอียด เบื้องต้นพบเป็นฐานปฏิบัติการที่ใช้งานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน และเป็นที่ประชุมวางแผนเตรียมก่อเหตุขนาดใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานของตำรวจ พนักงานอัยการ ตลอดจนทีมแพทย์ ได้เข้าไปเก็บรวบรวมวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พร้อมชันสูตรพลิกศพ นำส่งโรงพยาบาล เพื่อเตรียมส่งต่อให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป