พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ย้ำแสวงหาความร่วมมือ เน้นทำงานแบบไร้รอยต่อทั้งในและต่างประเทศ แนะการทำงานของราชการต้องปรับรูปแบบใหม่เป็น New Normal
23 ก.ค.63) เวลา 10.00น. ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2563 ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หม่อมหลวงพัชรภาภร เทวกุล เลขาธิการ ก.พ ให้การต้อนรับ
โดยนายกรัฐมนตรีวางพวงมาลัยสักการะพระพุทธราชไมตรีศรีสัมพันธ์ พร้อมชมนิทรรศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และภารกิจของกระทรวงการต่างประเทศในสถานการณ์COVID-19 ณ บริเวณด้านหน้าห้องวิเทศสมโมสร
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมฯว่า วันนี้ทุกคนต้องทำงานเพื่อประเทศไทยเพื่อประชาชนและสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพยิ่ง พร้อมขอบคุณหัวหน้าส่วนราชการสำหรับการทำงานในช่วงที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงในฐานะหัวหน้าผู้บังคับบัญชาสูงสุดในแต่ละกระทรวง ต้องแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันให้เกิดการทำงานแบบไร้รอยต่อทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ โดยเป้าหมายสูงสุดคือทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน
ขอให้ข้าราชการทุกคนทั้งในและต่างประเทศทุกกระทรวง ทุ่มเท เสียสละ มีความอุตสาหะ จริงใจ มีทัศนคติที่ดี ช่วยกันเดินหน้าประเทศต่อไป รวมทั้งความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องอัตลักษณ์ และความเหมาะสมของประเทศด้วย
จากนั้น ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวแนะนำคณะผู้บริหาร รายงานภารกิจและสรุปผลงานสำคัญ รวมทั้งนำเสนอประเด็นเพื่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาสนับสนุนและขอความร่วมมือจากส่วนราชการต่าง ๆ
ภายหลังการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้หารือการขับเคลื่อนนโยบายด้านต่างประเทศ ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายในยุคสถานการณ์COVID-19 และหลังสถานการณ์COVID-19 ซึ่งทุกอย่างจะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำหลักการ “รวมไทยสร้างชาติ” เน้นขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างรวดเร็วสอดคล้องกับสถานการณ์ COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาด้านสุขภาพที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงจุดแข็งของประเทศไทยทั้งความมั่นคงด้านสาธารณสุข อาหาร อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ที่พัก โรงแรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศต้องรวมรวมข้อมูลรวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนของ BOI สร้างการรับรู้ในเวทีต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ต้องปรับการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล เน้นการทูตเชิงเศรษฐกิจ โดยปรับระเบียบและกฎหมาย ให้มีความยืดหยุ่นทันกับสถานการณ์ มีความโปร่งใส เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและการลงทุน สนับสนุนการฟื้นฟูธุรกิจของไทย รวมทั้งเตรียมการรองรับการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลโดยศูนย์ ศบค. จะพิจารณามาตรการผ่อนคลาย แต่ยังคงต้องดูแลตรวจคัดกรองให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุขที่กำหนดไว้ด้วย
นายกรัฐมนตรียังเสนอแนะถึงการทำงานของราชการต้องปรับรูปแบบใหม่เป็น New Normal ตลอดทั้งองค์กร บุคลากร วิธีการทำงาน สอดประสานการทำงานอย่างสอดคล้องทั้งระบบตั้งแต่ในระดับปลัดกระทรวงด้วยกันเอง เพื่อแก้ไขปัญหา ลดอุปสรรคที่ติดขัดให้ได้มากที่สุด รวมทั้งต้องมีการเตรียมการเพื่อรองรับวาระสำคัญต่างๆ ทั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง แรงงาน สังคมผู้สูงอายุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งในปี 2564 – 2565 ไทยจะเป็นประธานกรอกรบความร่วมมือ BIMSTEC คือ ความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียใต้และเป็นประธานการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ปี 2565 เชื่อมั่นว่า หากเร่งพัฒนาศักยภาพจะทำให้ไทยสามารถก้าวไปสู่ประเทศที่มีการพัฒนาระดับสูงได้ในอนาคต