ผักกาดหอม
ระทึก! มา ๑๓ ปีเต็ม
แล้วก็มาถึงสุดทาง….
วานนี้ (๒๖ มิถุนายน) ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน ไม่รอลงอาญา
คดีแกนนำ นปช.ปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ปี ๒๕๕๐
จำเลยที่ ๔-๗ เรียงหน้ากระดานแกนนำ นปช.วีระกานต์ มุสิกพงศ์
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
วิภูแถลง พัฒนภูมิไท
เหวง โตจิราการ
คำพิพากษา…
…ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่าการกระทำของ จำเลยที่ ๑, ๔-๗ มีพฤติการณ์ที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเป็นเรื่องร้ายแรง
ที่จำเลยทั้งหมดขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น และที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษพิพากษายืนจำคุกจำเลยทั้งหมด คนละ ๒ ปี ๘ เดือน โดยไม่รอลงอาญานั้นเหมาะสมแล้ว…
พลิกไปดูเหตุการณ์ก่อนจะมาถึงวันนี้
๑๖ กันยายน ๒๕๕๘ ศาลอาญา อ่านคำพิพากษา
….ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมกลุ่มแกนนำที่อยู่บนรถ ซึ่งผู้ชุมนุมได้ขัดขวางโดยใช้เก้าอี้และอิฐปาใส่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่การป้องกันตัวตามที่จำเลยกล่าวอ้าง
และพิจารณาคำปราศรัยของแกนนำแล้วเห็นว่า ไม่มีเจตนาที่จะห้ามปรามผู้ชุมนุมอย่างจริงจัง
ศาลจึงพิพากษาจำคุก นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูแถลง และนายแพทย์เหวง คนละ ๔ ปี ๔ เดือน
วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ คำพิพากษาอุทธรณ์
…..ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนและประชุมหารือกันแล้วเห็นว่า คดีนี้มีพยานเป็นตำรวจหลายนาย รวมทั้งนักข่าวและช่างภาพอีก ๒ คน ให้การสอดคล้องกันในรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ปรากฏในวีซีดีบันทึกการชุมนุม ดังนั้น จำเลยที่ ๑ และที่ ๔-๗ จึงมีความผิด ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
ที่ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกจำเลยที่ ๔-๗ ฐานร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไปตามมาตรา ๒๑๕ รวม ๒ กระทงนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย
เนื่องจากการกระทำของจำเลยดังกล่าวมีเจตนาเดียว เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย จึงเป็นการกระทำผิดเพียงกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุก จำเลยที่ ๔-๗ ฐานเป็นผู้สนับสนุน ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ตามมาตรา ๑๓๘ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี
ฐานเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ มั่วสุมตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไป ตามมาตรา ๒๑๕ วรรค ๓ ซึ่งเป็นบทหนักสุด อีกคนละ ๓ ปี
แต่คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ ๑ ใน ๓ คงจำคุก จำเลยที่ ๔-๗ คนละ ๒ ปี ๘ เดือน
คดีนี้มีอันต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกามาหลายครั้งจากหลายสาเหตุ
๒๓ กันยายน ๒๕๖๒ ศาลมีคำเลื่อนอีกครั้ง เพราะจำเลยที่ ๔-๗ ยื่นคำให้การใหม่เป็นให้การขอรับสารภาพ
และสุดท้ายวานนี้ปิดฉากคดีแกนนำ นปช.พามวลชนบุกบ้านป๋าเปรม ไปอย่างถาวร
สิ่งที่ตามมามีอะไรบ้าง?
“๔ เกลอ” วีระกานต์ มุสิกพงศ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, วิภูแถลง พัฒนภูมิไท, เหวง โตจิราการ ถูกจับส่งแดนแรกรับทันที
รัฐธรรมนูญมาตรา 98 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(๗) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
สำหรับ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ เส้นทางการเมืองน่าจะจบลงแค่นี้แล้ว เพราะปีนี้อายุ ๗๒
หากติดคุกเต็ม ๒ ปี ๘ เดือน จะกลับเข้าสู่การเมืองได้ ต้องผ่านไป ๑๒ ปี ๘ เดือน
อายุก็ราวๆ ๘๕
ช่วงหลังยังป่วยกระเสาะกระแสะ
สรุปแล้วยากจะหวนกลับ
ที่เหลือก็ว่าไปตามกรรม เพราะอายุขัยยังพอมีให้กลับมาเล่นการเมืองได้
แต่โดยทั่วไปแล้วกลับมายาก
รู้อะไรมั้ย?
รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ที่ว่าแน่ ยังกำหนดโทษเบากว่านี้เยอะ นอกจากต้องเป็นคำพิพากษาให้จำคุกตั้งแต่ ๒ ปีขึ้นไปแล้ว ต้องพ้นโทษ ๕ ปีก่อนที่จะกลับมาสมัครรับเลือกตั้งได้
ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับที่ถูกด่าสาดเสียเทเสียสามเวลาหลังอาหาร ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจเผด็จการ ต้องพ้นโทษ ๑๐ ปีก่อนแล้วค่อยกลับมา
คุกวันเดียวก็ห้าม ๑๐ ปี
หมายความว่าไง?
รัฐธรรมนูญต้องการให้คนที่จะเข้าสู่การเมือง คิดให้เยอะก่อนจะลงมือทำอะไร
เพราะถ้าผิด ติดคุก ถูกตัดสิทธิ์ยาว
การเมืองต้องการสุจริตชน
ทีนี้มันมีพวกนักเคลื่อนไหวจิตป่วย บิดเบือนทุกเรื่อง ทุกประเด็น ไปเสี้ยม เพื่อสร้างความเกลียดชัง ให้ผู้คนในสังคมขัดแย้งกัน
เหลืองเส้นใหญ่ ไม่ติดคุก
แดงทำอะไรก็ผิด ติดคุกเรียบ
ก็ฝากช่วยกันดูแล เพราะที่เคลื่อนไหวกันอยู่บางคนอายุเยอะ เลอะเลือน เล่าแต่เรื่องเท็จ
ยกตัวอย่าง…..
สุชาติ สวัสดิ์ศรี ดีกรีศิลปินแห่งชาติ นั่งกินเงินเดือนจากรัฐเดือนละสองหมื่นห้าพันบาท ขึงขังเกลียดเผด็จการ หน้าที่หลักเอานิ้วจิ้มคีย์บอร์ดสร้างข่าวเท็จรายวัน
บุก “บ้านป๋า” ๒ ปี ๘ เดือน ยึด “ทำเนียบฯ” ยึด “สนามบิน” Sound of Silence”
มันใช่หรือ?
หรือหูตึง!
หรือเสพข้อมูลด้านเดียวจนชิน
เหลืองอ๋อยนี่….ติดคุก ถูกฟ้องล้มละลายไปกี่คนแล้ว
ถ้ายังใช้ตรรกะ ศาลเข้าข้างเสื้อเหลือง แล้วเสื้อแดงที่รอดคุกเพราะศาลพิพากษาว่าไม่มีความผิด เป็นพวกไหน
เป็นแดงเทียมอย่างนั้นหรือ?
ก็นะ….คำพิพากษาศาลถูกนำไปขยายความจุดเชื้อเคลื่อนไหวกันต่อเป็นที่เรียบร้อย
ตั้งแต่ยุติธรรมสองมาตรฐาน
ไปถึงขั้นปลุกให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
ยันเลือกตั้งผู้พิพากษา
เป็นมุกเก่าใช้มายาวนาน เพื่อล้มกระดานการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ทีนี้อยากให้ดูปฐมเหตุของการติดคุก ว่าใคร เพื่ออะไร และเพื่อใคร
ใครทำเพื่อปกป้องโจรปล้นชาติ
ใครทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
คนที่มีความผิดติดคุกเพราะต่อต้านคนโกง ก็จงภูมิใจว่า ไม่เสียชาติเกิด
ส่วนคนที่ติดคุกเพราะคิดแต่เรื่องชิงอำนาจคืน เพื่อคนโกงกลับมามีที่ยืน ขอให้ทำใจกับผลกรรม แล้วกลับออกมาเป็นคนดีของสังคม
มันก็มีอยู่แค่นั้น
อีกเรื่องไม่พูดถึงไม่ได้
“ฌอน บูรณะหิรัญ”
ทั้งถูกล่าแม่มด ทั้งถูกบูลลี่ จากคนที่เคยโวยวายว่าพวกตัวเองถูกล่าแม่มด ถูกบูลลี่
ว่ากันตามตรง “บิ๊กป้อม” เสน่ห์แรงไม่เบา ใครได้ใกล้ชิดก็รักหมด โดยเฉพาะสาวๆ
มันจะอะไรนักหนา แค่ “ฌอน” บอกว่าลุงป้อมเป็นผู้ใหญ่ใจดีน่ารักไม่เหมือนในสื่อ ไม่ใช่ทัวร์ลง แต่เป็นฝูงอีกาไล่จิกเอาเป็นเอาตาย
“ฌอน” พูดถึง “ลุงป้อม” เพราะไปปลูกต้นไม้ด้วยกัน มันก็แค่นั้น
จบตรงที่ปลูกต้นไม้นั่นแหละ
แต่ถ้า “ฌอน” ไปยืนเชียร์ลุงป้อมหน้าพรรคพลังประชารัฐ แล้วตะโกนบอกให้เป็นหัวหน้าพรรค หรือเป็นนายกฯ คนต่อไป เพราะชะลูดตูดปอดยอดขุนพล เก่งไร้เทียมทาน แบบนี้สิถึงจะวิจารณ์ “ฌอน” ในมุมการเมืองได้
เพราะในทางการเมือง “ลุงป้อม” ไม่ได้เป็นแบบนั้น
มันก็เหมือนนักเคลื่อนไหวหญิงไปคบกับนักการเมืองชายนั่นแหละ
ถ้าคบแล้วไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับการเมือง ใครจะไปแหกปากด่าให้เสียเวลา
ใช่มั้ย!
ที่จริงถ้า “ฌอน” จะเล่นการเมืองก็เป็นสิทธิ์ของเขา
จะวิจารณ์ในมุมการเมืองก็เป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็ทำได้ เพราะประเทศเป็นประชาธิปไตย มีสิทธิเสรีภาพเต็มที่ แต่ก็ต้องเตรียมใจหากถูกฟ้องหมิ่นประมาท
แต่ไม่ควรใช้วิธีล่าแม่มด
ปากประชาธิปไตยใจป่าเถื่อน.