เปลว สีเงิน
ใกล้วันปีใหม่…..
กรุงเทพฯ “ยัดทะนาน” ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปักหมุดมาเคาต์ดาวน์ “บางกอก”
ข่าว “ไทย-เขมร” ยิงกันตูมตาม
ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้พวกเขาแต่อย่างใด เพราะแบรนด์ “ทหารไทย” การันตี ว่าทหารเขมรไม่มีน้ำยาเข้ามากล้ำกราย
เพราะเหตุนั้น….
นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงมาเคาต์ดาวน์กันที่เมืองไทย “ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๙ หรือ ๒๐๒๖” กันด้วยความแฮปปี้ สวรรค์นี้ คือที่เมืองไทย
แต่มีข่าวที่ขัดเคืองใจผมเอามากๆ แม้ตกลง “หยุดยิง” กันแล้ว
เพราะเมื่อวาน (๒๙ ธ.ค.) ทหารไทยต้องเสียขาอีกแล้ว “เป็นขาที่ ๑๑” จากกับระเบิด ที่ “สัตตะโสม”
“จ.ส.ต.สุจินต์ จิตกรียาน” สังกัด กองพันทหารช่างที่ ๘ กองพลทหารม้าที่ ๑ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด
ขณะเข้ากวาดล้างพื้นที่ “สัตตะโสม” ที่เรายึดคืนมาได้ จ.ส.ต.สุจินต์ เหยียบกับระเบิด ขาซ้ายขาด และที่ตา มีบาดแผลฉกรรจ์
ขณะนี้ รับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์
แล้วอย่างนี้ “ยกที่ ๓” จะไม่เกิดได้อย่างไร ยิ่งดูปฏิกิริยา ๒ พ่อลูกตระกูลฮุน บ่งชัด “อย่างนี้…ยก ๓ คงไม่ต้องรอนาน”
เพราะมันต้องการ “ชิงแผ่นดินไทย” กลับไป หลังจากไทย “ยึดกลับคืน” มาได้เกือบหมด จากอีสานใต้ ยันตราด!
ก่อนคุยกันตรงนั้น ไปดูที่จีนกันหน่อย……
ว่า “นายหวัง อี้” สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์จีน และ รมว.ต่างประเทศจีน
ที่เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศไทยและประเทศเขมร “นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว” และ “นายปรัก สุคน” ไปคุย ๓ ฝ่าย ที่ยูนนาน นั้น ได้เนื้อ-ได้หนังอะไรบ้าง?
ท่าน “สีหศักดิ์” ให้สัมภาษณ์หลังการหารือ สรุปว่า
-เป็นไปด้วยดี ไทยถือว่า “บรรลุผล” กว่าที่คาดหวัง
-จีนไม่ได้แทรกแซง แต่อำนวยความสะดวกให้มาเจอกัน
-ไทยยัน เรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องที่ทั้ง ๒ ฝ่ายต้องแก้ไขให้ได้ ที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้ คือการมีข้อตกลงหยุดยิงแล้ว
-ประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ คือการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อให้การหยุดยิงมีความยั่งยืน
จากนั้น ก็จะคุยกันเพื่อเดินหน้าต่อไป ในเรื่องความสัมพันธ์ว่าจะอย่างไร ซึ่งต้องเป็นไปอย่าง “เป็นขั้น-เป็นตอน”
ประเด็นสำคัญที่สุดที่ไทยย้ำ คือ
ความจริงใจ-ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตามชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และอะไรต่างๆ
ให้ประชาชนทั้ง ๒ ฝั่ง ได้ใช้ชีวิตตามปกติ
จากนั้น ก็มานั่งดูกันว่า “ก้าวต่อไปจะเป็นอะไร” จากการหยุดยิง
-ขั้นต่อไป คือทั้ง ๒ ฝ่าย ลดการเผชิญหน้า ลดกำลังทหาร ลดอาวุธหนัก ถอนอาวุธหนัก และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด “ที่ต้องทำ” ตามที่เคยตกลงกันไว้
-รวมทั้งเรื่องปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งขบวนการสแกมทั้งหลาย
-สุดท้ายมาดูการทำงานคณะ JBC ไทย-กัมพูชา เรื่องปักปันเขตแดน ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ต้องเดินหน้า จากนั้น จึงมาคุยกันว่า
-เราจะปรับความสัมพันธ์อย่างไร…..
ถ้าการหยุดยิง ๗๒ ชั่วโมงแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เราก็จะเริ่ม “มอบทหารกัมพูชา ๑๘ คน” ให้กัมพูชา ซึ่งมีคณะกรรมการกาชาดสากล (ไอซีอาร์ซี) เป็นพยาน
-จากนั้น ให้กัมพูชาอำนวยความสะดวกแก่คนไทยที่ติดค้างในปอยเปต ได้เดินทางกลับมายังฝั่งไทย
ขั้นต่อไป ถ้าการหยุดยิงมีความยั่งยืน ไม่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ลดการเผชิญหน้าบริเวณชายแดน
ถอนอาวุธหนัก ทำเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด ทำเรื่องการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะ “ออนไลน์สแกม”
ตรงไหนที่เดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง JBC เราก็จะเดินหน้า จากนั้น จะพูดคุยกัน เรื่องการ “ฟื้นฟูความสัมพันธ์”
ว่าทำอย่างไร ที่ทั้ง ๒ ประเทศ จะสามารถติดต่อกันในระดับที่เป็นทางการอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น
-การประชุม JBC คงเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่เนื่องจากเป็นภารกิจทางเทคนิค จะกำหนดกรอบว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ จึงไม่ทราบ ต้องให้ทั้ง ๒ ฝ่ายมาพูดคุยกัน
-สำหรับ “การเปิดด่าน” นั้น ยังไม่ได้คุยกัน
ต้องเอาตรงนี้ให้เรียบร้อยและยั่งยืนก่อน จึงจะเป็นก้าวที่ไปสู่ก้าวต่อไป
-จะมีแถลงข่าวร่วม เพราะอยากให้สิ่งที่เราพูด-เราแถลงตรงกัน เราจะได้เดินหน้ากัน
ไม่ใช่แต่ละคนเอามาแถลง เพื่อสร้างความได้เปรียบของแต่ละฝ่าย เรื่องที่คุยทั้ง ๒ ฝ่าย และ ๓ ฝ่าย จะอยู่ในแถลงการณ์ร่วมนั้น
-เรา “หยุดยิง” เพื่อทำเรื่องเก็บกู้ “ทุ่นระเบิด”
ก้าวต่อไป คือการปราบปรามสแกมเมอร์ และลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ซึ่งอยู่ในแถลงการณ์ร่วมนั้นทั้งหมด
“เรื่องไทย-กัมพูชา แม้ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาพยายามใช้แรงกดดันจากประชาคมโลก แต่จุดยืนของเรา คือ เป็นเรื่องสองฝ่าย
ในที่สุด ก็คุยกันสองฝ่าย ‘เรื่องการหยุดยิง’
ต่อไปนี้ ก็เป็นสิ่งที่เราพูดกันสองฝ่าย เรื่องของไทย-กัมพูชาขณะนี้ มาถูกทางแล้ว แต่มีประเด็นที่เราจะต้องพูดคุยกัน เราก็ต้องทำต่อไป
-JBC ก็จะประชุมกัน หรือผมจะคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศเขาว่า เราจะรื้อฟื้นกันอย่างไรต่อไป แต่ทุกอย่างมีจังหวะเวลาของมัน”
สรุป คือ….
ไทยไม่รีบ (คืนดี) ค่อยเป็น-ค่อยไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจและความจริงใจที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงให้เป็นที่ประจักษ์
การถอนอาวุธหนัก, การเก็บกู้ทุ่นระเบิด, การปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะ “ออนไลน์สแกม”
นี่…ประเด็นหลัก
ถ้าเขมรไม่ทำให้ประจักษ์ เรื่องอื่นๆ ก็ไม่ต้องมาพูดกัน โดยเฉพาะเรื่อง “เปิดด่าน” ฮุน เซนต้องรอไปอีก ๑๐๐ ปีโน่น
ดูแล้ว เงื่อนไขแต่ละขั้นตอนตามที่ท่านสีหศักดิ์บอก มัน “อิมพอสซิเบิล” สำหรับเขมร!
ฉะนั้น คง “มิช้า-มินาน” ศึกไทย-เขมร ยก ๓ ระเบิดแน่
แน่-ไม่แน่ ประเมินจากที่ฮุน เซน และฮุน มาเนต โพสต์ดูก็ได้
“ฮุน เซน” โพสต์ มีประเด็นสำคัญ คือ
-นัดประชุม JBC ในสัปดาห์แรกของเดือนมกรา.๖๙ ที่เสียมราฐ เพื่อเร่งสำรวจและปักปันเขตแดนให้ชัดเจน
-ย้ำ “กัมพูชาไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้กำลัง”
-วาระสำคัญที่ฮุน เซนเสนอ เน้นส่งทีมสำรวจร่วม “ลงพื้นที่จริง” ในจุดที่เคยเป็น “ประเด็นขัดแย้ง”
คือที่ พื้นที่ ระหว่างหลักเขตแดนที่ ๔๒-๔๗ บริเวณบ้านจกเจยและเปรยจัน พื้นที่ระหว่างหลักเขตแดนที่ ๕๒-๕๙ พระตะบอง
พื้นที่ ทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข ๓๓-๓๗ บริเวณบึงตระกวน
รวมถึง “จุดผ่านแดน” ระหว่างประเทศ ตำบลทมอดา และพื้นที่อื่นๆ และยังครอบคลุมไปอีกหลายแห่ง
-ทั้งนี้ “คณะกรรมการฝ่ายกัมพูชา” พร้อมจะ “สำรวจและปักปันเขตแดนร่วม” กับฝ่ายไทยโดยเร็วที่สุด
-แต่ยืนยัน “จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนใดๆ ที่เกิดจากการใช้กำลัง”
เฮ่อๆๆๆๆ ทีนี้ละมาเร่งให้สำรวจปักปันเขตแดน แถมทำเป็นแมงป่องชูหาง “จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนใดๆ ที่เกิดจากการใช้กำลัง”!
นี่เรียกว่า ฮุน เซน “แก้ผ้า” โพสต์ เลยนะเนี่ย!
เท่ากับยอมรับ แผ่นดินที่โกงไทยมา ถูกทหารไทย “ตีเอาแผ่นดินคืน” ไปเรียบ!
เลยทำเป็นเด็กงอแงตราหมอจู้จี้ เร่งให้ประชุม JBC ปักปันเขตแดน ด้วยเงื่อนไขเสร่อ ว่าที่ไทยเอาแผ่นดินไทยคืนไปนั้น
“เขมรยอมรับไม่ได้….
เพราะมันเป็นของกู (ที่โกงเอาไปจากไทย)!?”
ลูกก็เสร่อพอๆ กับพ่อ “ฮุน มาเนต” โพสต์ ประมาณว่า
การหยุดยิง ไม่ใช่สัญญาณของความพ่ายแพ้ ไม่ใช่การยอมจำนนให้ฝ่ายใด
แต่เป็นการตัดสินใจ ภายใต้ความกังวลต่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน (ยี่เกเขมรของแท้เลยนะเนี่ย)
การหยุดยิงเป็นเพียง “การพักรบ” ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานะทางกฎหมายใดๆ
โดยเฉพาะกลไก JBC รวมถึงสนธิสัญญาและข้อตกลงเขตแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ตามเดิม
ย้ำว่า
-ไม่ใช่ไทยยึดพื้นที่ทั้งหมด
-ไม่ใช่การยอมเสียอธิปไตย
แต่เป็นการเปิดพื้นที่ให้การเจรจาและกลไกทวิภาคีเดินหน้าต่อ ท่ามกลางเสียงปืนที่เงียบลง
สงครามข่าวสารกลับดังขึ้นแทน
คำว่า “หยุดยิง” ในวันนี้
กำลังถูกจับตามองว่า เป็น “จุดจบ”
หรือเป็นเพียง “จุดพัก”…ก่อนเกมใหญ่ “จะเริ่ม” อีกครั้ง.
เอ้า…ดิ้นเข้า…ดิ้น ทั้งพ่อ-ทั้งลูก!
รบแพ้ หมดท่า แผ่นดินโกงเขามา ไทยเจ้าของยึดกลับคืนไป ชั่งน้ำหนักตัวเองแล้ว จะรบชิงคืนจากไทย ก็ตายเปล่า
เลยใช้ความหนังหนา-หน้าด้าน ไปพึ่งบริการ JBC แบบมีเงื่อนไข หวังยื้อ “เอาของกูที่ชิงจากของมึงคืนมา”
โธ่…ไอ้เขมรตูดหมึก อ้างไปได้..ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้กำลัง!
ไทยใช้กำลังเอาคืน มันถูกต้อง-ชอบธรรม ทั้งพฤตินัยและนิตินัย
ส่วนเขมร ตอน “เขมรแตก” ซมซานหนีตายมาอาศัยแผ่นดินไทยคุ้มหัว แทนที่จะสำนึกบุญคุณ กลับเนรคุณทึกทักเอาแผ่นดินที่ไทยให้อาศัยว่าเป็น “แผ่นดินเขมร”
แค่นั้นยังไม่พอ พอมีแรงจากน้ำข้าวไทยรดหัว ก็กำเริบเสิบสาน “รุกล้ำ-และเล็ม” แผ่นดินไทยตามชายแดนไปทั่ว ตลอดแนว ๗๐๐-๘๐๐ ตร.กม.!
พอไทยที่เป็นเจ้าของมาเอาคืน กลับลากปืนมายิงถล่มไทย!
คนไม่มีสำนึกอย่างนี้ เขาไม่เรียกมนุษย์
เขาเรียก “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน”!
ลูกบอก “เกมใหญ่” จะเริ่มอีกครั้ง
ผมบอกมั่ง “จริงดิ…เอาเบอร์โทรผมไว้มั้ย?”
จะเมื่อไหร่…นอนหลับก็ปลุกได้นะ…น้ำมาเนต!
เปลว สีเงิน
๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๘

