คลิกฟังบทความ…⬇️
เปลว สีเงิน
มีข่าวหนึ่ง ที่ดูเหมือนคนไทยสนใจ
และมีผู้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารผ่านสื่อสารออนไลน์ต่อเนื่อง
นั่นคือข่าวท่านอ้น “วัชเรศร วิวัชรวงศ์” เดินทางจากนิวยอร์คมาประเทศไทย เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ( ๗ สค.๖๖)
ท่านก็ไม่ต่างคนไทยไกลบ้านไปนาน เมื่อกลับมา ก็ไปไหว้พระแก้ว ไหว้ศาลหลักเมือง เข้าเฝ้า “สมเด็จพระสังฆราช” ไปวัดอรุณฯ ไปวัดบวรฯ นั่งรถตุ๊กตุ๊ก และฯลฯ
สื่อญี่ปุ่นสัมภาษณ์ท่าน
เพจ 2inFamily ได้นำที่ท่านให้สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยเผยแพร่ไว้ว่า
“อยู่เมืองนอกมานาน ได้กลับมาประเทศไทยคราวนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
เราจากประเทศนี้มานาน ๒๗ ปี ถือเป็นฝันที่เป็นจริงที่ได้กลับมา ตั้งแต่ก่อนเครื่องลงแล้ว มองจากบนเครื่องบิน
ก็รู้สึกตื้นตันและมีสํานึกถึงพระคุณของประเทศชาติ”
เท่าที่ผมสดับตรับฟังนะ
ท่านอ้นเดินทางมาไทยแบบเงียบๆ หลายครั้งแล้ว แต่ไม่เป็นข่าว
ก็มีครั้งนี้แหละ
ที่การกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน อาจกล่าวได้ว่า มีคนประชาสัมพันธ์ข่าว เข้าลักษณะจงใจ “ปั่นกระแส” ชนิดมีเป้าหมาย ก่อนท่านจะมาถึงไทยด้วยซ้ำ
กรณีนี้ ถ้าเป็นคนอื่น บังเอิญพบเห็นระหว่างทาง แล้วนำมาโพสต์ นั่นจะเป็นธรรมชาติ
แต่นี่ คนที่โพสต์นำร่อง-นำชี้ประเด็นการเดินทางกลับ คือ “ปวิณ” กับ “สมศักดิ์ เจียม” และ “บางคน” ในสหรัฐฯ!
เอ่ยชื่อ ก็รู้นะว่าใคร และมีเจตนาอย่างไรต่อชาติบ้านเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยเฉพาะ “ปวิน” โพสต์เป็นตุ-เป็นตะ ยาวเหยียด
บังอาจผูกโยงไปถึง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ ด้วยเนื้อหาที่อ่านแล้ว ชาวบ้านทั่วไปคล้อยตาม ได้ ถึงขั้น “หลงเชื่อ”
จึงไม่แปลกใจ…….
ที่เวลานี้ สังคมชาวบ้านจะวิพากษ์-วิจารณ์การเดินทางมาของท่านอ้น ด้วยแง่มุมต่างๆ
ยิ่งมีผู้ทำหน้าที่ตามเก็บความเคลื่อนไหว ไปโน่น-ไปนี่ ของท่าน โพสต์สื่อโซเชียลตลอดเวลา
ทั้งมีคนแสดงความคิดเห็น ทั้งโพสต์ ทั้งแชร์ ทั้งต่อเติมเสริมแต่งไปต่างๆ กัน กระแสยิ่งถุูกตีฟอง และเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อันหาข้อสรุปที่ตรงข้อเท็จจริงไม่ได้
เรื่อง “ท่านชายทั้ง ๔” นั้น….
จะว่าไปแล้ว ขบวนการกัดเซาะสถาบันหวังสู่การโค่นล้มทั้งในและนอกประเทศ นำมาใช้เป็นเครื่องมือ “ปั่นข่าว” เชิงปลุกปั่นมาเป็นระยะ
เรื่องท่านชายทั้งสี่ มันนานมาก่อน “ใหม่รุ่นส้ม” เกิด บวกกับพวกนี้ ไม่สนใจศึกษาหาความรู้
ดังนั้น เมื่อใครหยิบเรื่องอะไรมาปั่น ค่าที่ในตัวไม่มีฐาน ทั้งมีเจตนาร้ายต่อสถาบันและบ้านเมืองเป็นทุน ก็พร้อมหยิบยัดกะโหลกตัวเอง
ผมว่านะ ในบางเรื่อง-บางราวนั้น ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอก แค่เราคิดใคร่ครวญด้วยสามัญสำนึกสุจริต ก็จะเข้าใจ
ราวๆปี ๒๕๓๙- ๒๕๔๐
“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศที่ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร”
ทรงรับ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” พระธิดาองค์เล็ก
ซึ่งขณะนั้น….
ทรงดำรงพระยศที่ “หม่อมเจ้าบุษย์น้ำเพชร มหิดล” กลับมาประทับในไทย
และได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า “หม่อมเจ้าจักรกฤษณ์ยาภา มหิดล”
ต่อมา “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ขณะนั้น พระราชทานพระนามใหม่ว่า “หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล”
และในปี ๒๕๔๘ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร”
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์”
ทำไมทรงรับกลับมาเฉพาะ “พระธิดา” พระองค์เดียว?
เราทั้งหลาย…..
ก็ใช้จิตบริสุทธิ์ใคร่คิด-พินิจกันดูได้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาแจกแจงให้มากความมิใช่หรือ?
และต้นปี ๒๕๔๐ ก็ทราบกันภายใน โดยไม่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า ท่านชายทั้งสี่ ได้ถูกถอดออกจากสถานะพระราชวงศ์
และไม่มีสิทธิ์ใช้ฐานันดร “หม่อมเจ้า” อีกต่อไป
โดยให้เปลี่ยนไปใช้นามสกุลพระราชทาน “วิวัชรวงศ์” แทน
ด้วยความเป็นมาย่อๆ เช่นนี้
ทุกวันนี้ เราจึงเห็นท่านชายทั้งสี่ รวมทั้ง “ท่านอ้น” ไม่มีพระยศ “หม่อมเจ้า” แล้ว
อย่างท่านอ้น เมื่อแรกประสูติ เมื่อปี ๒๕๒๔ มีพระยศที่ “หม่อมเจ้า” พระนามว่า”หม่อมเจ้าวัชเรศร มหิดล”
แต่ ณ ปัจจุบัน เป็น “วัชเรศร วิวัชรวงศ์”
เพื่อเป็นการถวายเกียรติ สังคมไทยก็เรียกท่านว่า “ท่านชายวัชเรศร วิวัชรวงศ์” หรือ “ท่านอ้น”
ก็อย่างที่ผมบอก การกลับมาเยือนบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน ก็เหมือนคนไทยทุกคนที่จากบ้านไปนานๆ เป็นใคร-ก็คิดถึงบ้าน อยากกลับมาเยี่ยมบ้านซักครั้ง
เมื่อท่านมา เราก็ตื่นเต้น ปลาบปลื้ม ยินดีต้อนรับกับการกลับมาบ้านของท่าน ตามประสาคนร่วมชาติ-ร่วมแผ่นดิน
ถึงไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่ก็เหมือนใช่ เพราะสายเลือดไทยทิ้งไทยด้วยกันไปไม่ได้หรอก
ท่านอ้น สำเร็จการศึกษาด้านกฎหมาย ท่านเป็นปรึกษากฎหมายให้บริษัทใหญ่ ในนิวยอร์ค
อีกไม่กี่วัน ท่านก็คงกลับไปนิวยอร์คแล้ว
ฉะนั้น พวกหวังดีแต่ประสงค์ร้าย อย่าสุมฟืน-ปั่นกระแสให้ปั่นป่วนวุ่นวายกันไปให้มากความ
ท่านอ้น เป็นคนไทย และคนไทยทุกคนรักและให้เกียรติท่าน ในฐานะคนไทย ประเทศไทย ก็คือประเทศของท่าน
ฉะนั้น ท่านจะกลับไทยปีละร้อยครั้ง ก็กลับได้ คนไทยด้วยกัน Welcome back home ซะด้วยซ้ำ
ขออย่างเดียว
ใครก็อย่าปั่นกระแส ให้ดูเป็นว่า มี hidden agenda อะไรทำนองนั้น ซึ่งไม่เป็นคุณกับตัวท่านและทั้งกับสถาบันบ้านเมือง
ก็คุยสู่กันระหว่างพวกเราแฟนๆ
ใช่ว่าผมรู้ลึก-รู้ตื้นอะไรหรอก เพียงแต่ผมอยู่กับข่าว
และเป็นพวก “ส้ม”
แต่ประเภท “ส้มโอ” ลูกโต-มีกากหน่อย จึงมีสมอง-มีจิตวิเคราะห์เรื่องราว ผ่าน “ข่าวสารบันทึก” บ้าง ก็เท่านั้น
เอาละมัง….
ยังไม่ได้คุยเรื่องชิงบ้าน-ชิงเมืองผ่านการรวมขั้วตั้งรัฐบาลเลยว่า เขาไปถึงไหนกันแล้ว?
อันที่จริง ไฟสนใจผมมันมอดไปแล้ว เพราะที่นุงนังกันตอนนี้ มันแค่พิธี “เผาหลอก”
แม้กระทั่ง เรื่องพรรคลุงป้อม “พลังประชารัฐ” ประกาศเป็น “นางทาส” ให้เพื่อไทย
มึงไม่เชิญกูร่วม กู ๔๐ เสียง ก็จะกอดขา แก้ผ้าร่วม!
เห็นพุงลุงป้อมแล้ว ถ้าอยู่ในสภาพล่อนจ้อน
เหมือน “ด้วงมะพร้าว” อวบๆขาวๆกลมๆ โตเท่าหัวนิ้วมือ กระดึ๊บๆ…วู๊ยยยย น่าให้ไก่จิก!
เห็นว่า อังคารที่ ๒๒ สิงหา.ท่านประธานวันนอร์ นัดประชุมรัฐสภา โหวตเลือกนายกฯ
แสดงว่า เพื่อไทยมั่นใจ “หาเสียงโหวต” ได้ครบแล้ว ก้าวไกลที่ทำท่า “ยึกไป-ยักมา” ถึงเวลาก็ยกให้
เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะถึงตัวไม่ได้ไปร่วม แต่นโยบายของก้าวไกล เพื่อไทยรับมอบไปปฎิบัติแทนหมดแล้ว
ทั้งทำหมันกองทัพ ยกเลิกศอ.บต.,ยกเลิก กอ.รมน.,ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทั้งเรื่องชาติพันธุ์ เรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ แยกแผ่นดินไปปกครองกันเอง
โดยเฉพาะเรื่องการ “เปลี่ยนประเทศไทย” เป็นวาระเร่งด่วน เป็นรัฐบาลปุ๊บ ตั้งสสร.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ปั๊บ
เขียนเป็นแบบไหน?
เรื่องยกเลิก ม.๑๑๒ เรื่องจ้อย เขาจะเขียนให้พระมหากษัตริย์ดำรงสถานะเหมือนเจว็ด ไม่ต่าง “กษัตริย์เขมร” ปัจจุบัน
เขียนให้พวกเขาเข้าสู่ระบบรัฐสภาได้ง่ายๆ เพื่อสืบต่อได้ยาวแบบการเมืองเขมร
เขียนให้ทักษิณและพวกหนีคดี ได้กลับบ้านแบบเท่ๆ คดีความโกงบ้าน-กินเมือง “หมดอายุความ” ได้ และตัวอยู่ไหนก็ได้ ไม่ต้องมาศาล แต่จ้างทนายไล่ฟ้องคนโน้น-คนนี้ได้
แล้วสสร.ที่จะตั้ง มีใครบ้างล่ะ ลองเนมมาดูซักนิดซิ?
ธนาธร ปิยบุตร ปริญญา พรรณิการ์ และพวกอาจานหางว่าว ๑๑๕ หางนั่นไง เขียนใส่ข้างฝาได้เลย
“เพื่อไทย-ก้าวไกล” แนวทางเขา “กินข้าวทีละคำ” ฉะนั้น พวกเขารอได้
โดยเฉพาะก้าวไกล ตัวยังไม่ต้องไป ให้เพื่อไทยเอานโยบายหลักไปทำให้ก่อน
ทำแยกกันตอนนี้ แล้วตั้งสสร.ไปเขียน “รัฐธรรมนูญ ฉบับ ขุดราก-ถอนโคน” ร่วมกัน
ทีนี้แหละ พวกกูจะ “คว่ำหม้อ-คว่ำไห” เป็นใหญ่ทั้งแผ่นดินไปพร้อมๆ กัน!
“หน่อแนว” มันไปทางนั้น
ฉะนั้น การเมืองเรื่องตั้งรัฐบาลและใครจะเป็นนายกฯ
ก็แค่ “ตลกรายวัน” มีให้ดู ก็ดูไป ถ้าเชื่อ ก็เท่ากับถูก “ตลกหลอกแดก”!
รอบ่าย ๔ โมง (ของวันไหนยังไม่รู้)
“ยี่เก ลาโรง” ทอดผ้าบังสุกุล เจ้าภาพสั่งจุดพลุตึงตัง-โครมคราม เป็นสัญญาน
นั่นแหละ ได้เวลา “ประชุมเพลิง”!
เปลว สีเงิน
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๖
