25 พฤศจิกายน 2568 – เมื่อเวลา 12.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ว่า วันนี้เราจะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา และได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ คือการบูรณาการความช่วยเหลือทั้งหมดในการสั่งการ ในการอนุมัติ และในการคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานทุกอย่างมีความเบ็ดเสร็จอยู่ในนั้น
เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่บางจุด การช่วยเหลือเข้าไม่ถึงประชาชน ไม่รู้จะร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ที่พื้นที่มีทุกหน่วยงานระดมความช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว และเรากำลังกระจายคนเข้าไปรับพี่น้องประชาชนในทุกที่ตอนนี้ โดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้อำนวยการบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส และพล.อ.ณัฐพล อยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนนายพิพัฒน์กำลังเดินทางลงพื้นที่ เมื่อถามว่า จำเป็นต้องกางพื้นที่ดูเลยหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า อยู่ในการปฏิบัติ ซึ่งเขากำลังทำหน้าที่อยู่
เมื่อถามย้ำว่าในเรื่องของกรมอุตุนิยมวิทยามีอะไรต้องแจ้งเตือนหรือไม่ เพราะปริมาณน้ำขึ้นสูง นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เราก็ต้องไปบริหารสถานการณ์เรื่องการระบายน้ำ ทำหลายอย่างควบคู่กันไปและเรื่องของอาหาร เรื่องของการดำรงชีพทุกอย่างตอนนี้มีความพร้อมหมด ทางเหล่าทัพได้จัดเตรียมยานพาหนะต่างๆทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เรือ และรถ ระดมกันลงไปช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่เกิดเหตุ
เมื่อถามอีกว่าความล่าช้าก่อนหน้านี้เป็นเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ล่าช้า ในการปฏิบัติไม่ล่าช้า เมื่อถามอีกว่ามันติดขัดเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ติดขัด ทำงานกันอย่างเต็มที่ ในช่วงที่มันเกิดเหตุใหม่ๆทุกคนต้องกระจายกำลัง กระจายทรัพยากรกระจายกำลังพลลงไปช่วยเหลือชีวิต ความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน ตอนนี้เมื่อเราทราบปัญหาหลายเรื่องแล้ว เราถึงมาเร่งจัดตั้งกองบัญชาการทั้งส่วนหน้า ส่วนสนับสนุนและใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สถานการณ์ฉุกเฉินในการกำกับดูแล
เมื่อถามอีกว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลตั้งวอร์รูมศูนย์เผชิญเหตุค่อนข้างช้า นายกฯย้อนถามว่า ใคร รัฐบาลไม่ได้ช้า แล้วแต่เขา คนทำงานไม่ได้ช้า
เมื่อถามว่า ความรู้สึกของประชาชน ณ ขณะนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ นายกฯ กล่าวว่า ช่วยเหลือเต็มที่ ตอนนี้ทุกอย่างที่ช่วยเหลือประชาชนระดมลงไปอย่างเต็มที่ งบประมาณ ทรัพยากร และการสนับสนุนจากทุกองค์กรที่รัฐบาลกำลังดูแลอยู่ รวมถึงความร่วมมือที่เราได้จากทางองค์กรต่างๆ ภาคเอกชน เราสนับสนุนลงไปเต็มที่
เมื่อถามว่าสถานการณ์ใน 3 โรงพยาบาลถือว่าวิกฤติแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ต้องทำงานร่วมกัน เพราะน้ำทำลายวงจรไฟฟ้าต่างๆ แต่เรามีรถปั่นไฟ ทั้งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)เข้าไปสแตนด์บายรออยู่ และระดมคนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในภาคส่วนอื่นๆลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่างไฟ ให้มีความมั่นใจว่าในสถานที่ ที่ต้องดูแลผู้ป่วยจะต้องมีไฟฟ้าโหลดไว้อยู่ตลอดเวลาและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจะต้องวางแผน โดยทางแพทย์บอกว่าผู้ป่วยไอซียูไม่ใช่จะเคลื่อนย้ายกันง่ายๆ ฉะนั้นถ้าเราสามารถที่จะทำให้ มีสาธารณูปโภคที่ใช้งานได้อยู่ตลอดเวลาเราก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้าย
เมื่อถามว่าทางหน่วยงานมีข้อมูลที่จะเข้าไปช่วยอพยพประชาชน แต่ละพื้นที่มีกี่จุดและยังมีประชาชนตกค้างจำนวนเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ในรายละเอียดจะให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลง มันมีหลายหน่วยงาน หลายภารกิจ เดี๋ยวจะตั้งเป็นคณะโฆษกที่จะแถลงเหตุการณ์ในแต่ละวันเหมือนสมัยที่เราทำช่วงสถานการณ์โควิด-19 กำลังดำเนินการอยู่ โดยวอร์รูมจะเซ็ตไว้ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ใช่วอร์รูมเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่เราจะเชื่อมต่อกับทางหน่วยงานส่วนหน้า โดยหน่วยงานต่างๆได้ลงไปจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานแล้ว แต่คนที่จะรวบรวมการดำเนินงานทั้งหมดคือผู้อำนวยการสถานการณ์
เมื่อถามต่อว่าตอนนี้รัฐบาลยังควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ใช่หรือไม่ ไม่มีอะไรเกินมือใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เราก็ควบคุมสถานการณ์ และไม่ใช่แค่ควบคุมอย่างเดียว แต่ดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ องคาพยพทั้งหลายก็ระดมไปอยู่ในพื้นที่หมดแล้ว
เมื่อถามอีกว่ารัฐบาลจะบอกแผนให้ประชาชนรับทราบได้หรือไม่ว่าตรงไหนปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย นายกฯ กล่าวว่า หน้างานเขาจะต้องไปดำเนินการให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างที่สุด ตอนนี้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)อยู่ในพื้นที่ และตอนนี้ยกระดับขึ้นมาเป็นภัยระดับที่ 4 ซึ่งตรงนี้เท่ากับว่าปภ.ซึ่งตนจะมอบหมายปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพราะความจริงจะต้องเป็นรมว.มหาดไทย แต่รมว.มหาดไทย บัญชาการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว จึงให้ปลัดให้กระทรวงมหาดไทยทำหน้าที่ในด้านงานของกระทรวงมหาดไทยที่สามารถขอความร่วมมือหรือสั่งการข้ามหน่วยได้
เมื่อถามต่อว่ามีเดตไลน์หรือไม่ว่าจะต้องเอาคนออกมาให้หมดภายในวันไหม นายกฯกล่าวว่า เดตไลน์ไม่มีหรอก เราต้องพยามเอาคนออกมาจากบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สถานการณ์หากที่คลายลง ต้องเร่งเข้าไปฟื้นฟูดูแลและทำให้เขาเกิดความมั่นใจว่าในช่วงที่เขากำลังกลับเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเรือนของเขาต้องมีเครื่องยังชีพให้เขาด้วย
เมื่อถามว่าในหลวงทรงมีพระราชกระแสห่วงเรื่องการอพยพคน นายกฯ กล่าวว่า ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งมาและได้พระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ให้ไปดูแลด้วย ส่วนในเรื่องของการระดมสรรพกำลังต่างๆ พาหนะ เครื่องมือต่างๆตรงนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่เราได้เร่งดำเนินการไปแล้ว
เมื่อถามต่อว่าต้องกำหนดกรอบให้สั้นลงหรือไม่ในการช่วยเหลือประชาชน นายกฯ กล่าวว่าทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลาอยู่แล้ว ส่วนได้ประเมินสถานการณ์น้ำ และเรื่องปริมาณฝนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีตลอด สถานการณ์ตอนนี้ที่นั่นก็รอการระบายน้ำออกไปให้เร็วที่สุด ถ้าไม่มีฝนเติมมา และฝนวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน ฉะนั้นถ้าไม่มีฝนเติมเข้ามาและไม่มีน้ำไหลมาจากที่อื่น เพราะอำเภอหาดใหญ่เป็นแอ่งกระทะ มันก็จะค่อยๆระบายมวลน้ำที่อยู่ในเมืองออกไปได้ เมื่อถึงระดับที่เราเข้าไปให้การช่วยเหลือ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆแล้ว เราก็ระดมเรื่องการช่วยเหลือเข้าไปอย่างเต็มที่
เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้ปริมาณน้ำจะลดลงใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ถ้าไม่มีฝนเติมเข้ามา และตอนที่ไปลงพื้นที่เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาบอกว่าฝนจะหยุดแล้วเป็นช่วงฝนท้ายๆ แต่มันก็กลับมาอีก ตรงนี้เขาเรียกพยากรณ์อากาศ ตอนนี้เราเน้นเรื่องการรับมือให้การช่วยเหลือประชาชนและเป้าหมายตอนนี้การช่วยเหลือ ช่วยชีวิต และสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยให้มากที่สุดก่อน
เมื่อถามว่านายกฯจะลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์อีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ตนคิดว่าจะติดตามอยู่ที่นี่ เพราะมีบุคลากรที่อยู่หน้างานสั่งการและมีอำนาจโดยตรงอยู่ในพื้นที่เต็มแล้ว ที่ตนลงไปในพื้นที่ 2 วันแรกเพื่อจะได้เห็นสภาพ ซึ่งเวลามารับฟังรายงาน พอเห็นภาพก็มอบหมายงาน สั่งงานได้คล่องตัวขึ้น ตอนนี้ภาพ 2 วัน ที่ตนได้ลงพื้นที่ไปอยู่ตรงนั้น ก็พอเห็นสภาพความเสียหาย ทำให้สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น
เมื่อถามย้ำว่าตกลงคนที่มีอำนาจตัดสินใจในพื้นที่เป็นของผบ.ทสส.หรือร.อ.ธรรมนัส นายกฯ กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส ถ้าเขาไปเจอหน้างาน อย่างเช่น ถ้าผ่านไปโรงพยาบาล สมมุติว่าเกิดเหตุการณ์ไฟดับ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับกระทรวงท่าน ท่านก็สามารถสั่งการได้เลย เพราะท่านทำในฐานะรัฐบาลคือนายกฯเป็นคนสั่งการ ตนบอกแล้วรัฐมนตรีทุกคนสั่งการเปรียบเสมือนนายกฯสั่งการ ก็ช่วยกันสั่งการไป ไม่ใช่อำนาจอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนอยู่หน้างานสามารถสั่งการได้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป้าหมายคือความปลอดภัยของประชาชน ส่วนผบ.ทสส. ทำหน้าที่บูรณาการทั้งหมดและย้ำว่าอำนาจไม่ได้ซ้ำซ้อนกัน ตอนนี้เมื่อทุกคนกระจายความช่วยเหลือไปหมดแล้ว เดี๋ยวเขาจะมารายงานสถานการณ์ความเป็นไปต่างๆ ซึ่งผบ.ทสส.ในฐานะผู้อำนวยการสถานการณ์ ก็จะรวบรวมสถานการณ์ทั้งหมดและจัดหน่วยงานความรับผิดชอบไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ รัฐบาลกับ ผบ.ทสส.เป็นคนเดียวกัน และบูรณาการ การทำงานร่วมกันภายใต้กฎหมาย
เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้อำนวยการ แต่กลับไม่มีแผนบริหารจัดการ และในการประชุมแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ร.อ.ธรรมนัส ทำไมไม่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยจังหวัดสงขลา แต่ไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯ กล่าวว่า “คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร เขาลงไปคนแรกเลย ลงไปถึงก่อนผมอีก ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย ร.อ.ธรรมนัสลงไปพร้อมกับอธิบดีกรมชลประทาน และอธิบดีกรมชลประทานยังอยู่ในพื้นที่ เพื่อบัญชาการเรื่องการระบายน้ำ ขณะนี้ยังไม่ได้กลับ และช่วงที่ตนลงพื้นที่ก็ได้หารือกับอธิบดีกรมชลประทาน และ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ร.อ.ธรรมนัส พยายามลงพื้นที่ แต่ฟ้าปิด ทำให้เครื่องบินไม่สามารถลงได้ และท่านบอกกับตนว่าจะรีบลงไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้W
