ผักกาดหอม
ตามคาด….
“สมศักดิ์” เรียงหินให้ “ทักษิณ” เดินทุลักทุเล
ใช้สถานะ สภานายกพิเศษ วีโตมติแพทยสภา ทั้งที่รู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริงกรณีนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ ได้
ต่อลมหายใจไปอีกครึ่งเดือนก็ยังดี
จะได้มีเวลาหาทางหนีทีไล่มากกว่าเดิม
ประเด็นวีโต เท่าที่เป็นข่าวคือ ข้ออ้างแพทยสภาส่งเอกสารให้ไม่ครบ
แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น
“ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์” สาขานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และมีตำแหน่งเป็นกรรมการแพทยสภา โพสต์อธิบายเรื่องนี้ไว้ชัดเจน
“…ขออธิบายสักเรื่องหนึ่งที่เป็นข่าวอยู่ช่วงนี้ แล้วทำให้คนเข้าใจผิดแพทยสภา
แพทยสภาส่งเอกสารให้สภานายกพิเศษไม่ครบ?
คำตอบ ไม่จริง แพทยสภาได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับมติแพทยสภาที่รวมขั้นตอนตั้งแต่ผู้ร้องทำการร้อง หลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมมาได้ ความเห็นอนุกรรมการจริยธรรม ความเห็นอนุกรรมการสอบสวน ความเห็นอนุกรรมการกลั่นกรอง และความเห็นคณะกรรมการแพทยสภาเอง มีจำนวน ๙๕ หน้า รวมทั้งยังให้เอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับคดี เช่น เวชระเบียน คำให้การอีก ๑,๕๐๐ กว่าหน้า ดังนั้นให้ข้อมูลไปครบแล้ว
แต่ทีมที่แต่งตั้งโดยสภานายกพิเศษกลับขอรายชื่ออนุกรรมการกลั่นกรอง กับรายงานการประชุมของอนุกรรมการกลั่นกรอง เพิ่มเติม
แพทยสภาจึงไม่ให้ เพราะไม่เกี่ยวกับส่วนของมติกรรมการแพทยสภา และไม่เข้าใจเหตุผลว่าต้องการไปเพื่ออะไร เพราะก็มีความเห็นของอนุกรรมการกลั่นกรองระบุในมติ ๙๕ หน้าที่ส่งให้ไปแล้ว
ทั้งนี้อนุกรรมการกลั่นกรอง ไม่มีอยู่ใน พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม แต่มีข้อบังคับแพทยสภาให้มีขึ้นมา เพื่อช่วยแพทยสภาในการตรวจสอบคดี ก่อนที่แพทยสภาจะมีมติ แต่สุดท้ายแพทยสภาก็เป็นผู้ชี้ขาดอยู่ดี
แล้วเอาจริงๆ ถ้าคิดถึงเรื่องการมีมติลงโทษหรือไม่ลงโทษแพทย์ที่ถูกร้อง ควรเน้นที่ความเห็นของแพทยสภากับหลักฐานในคดีที่แพทยสภาใช้ประกอบความเห็นเท่านั้น เพราะแพทยสภาเป็นผู้ชี้ขาด ไม่ว่าอนุกรรมการไหนจะมีความเห็นอย่างไรก็ตาม
ดังนั้นถ้าท้วงติงหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ควรดูถึงหรือขอหลักฐานที่แพทยสภาใช้ในการตัดสิน มากกว่ามาบอกว่า แพทยสภาส่งเอกสารไม่ครบ…”
ไม่ทราบว่า “สมศักดิ์” ต้องการรายชื่ออนุกรรมการกลั่นกรองไปทำอะไร
ปฏิกิริยานี้ไม่ต่างจาก “ทักษิณ” อ้างเรื่องกรรมการแพทยสภาบางคนไม่มีจริยธรรม จากกรณีแชตหลุด
ตั้งใจจะดิสเครดิต
หรือ ข่มขู่!
เหมือนพยายามจะหาว่า ต้นเรื่องที่นำไปสู่ข้อสรุปป่วยวิกฤตทิพย์นั้นมีใครบ้าง
เจตนาไม่บริสุทธิ์แบบนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อมีอำนาจ คนพวกนี้พร้อมที่จะใช้อำนาจในทุกรูปแบบ เพื่อดิ้นรนให้ตัวเองพ้นผิด
แต่…ยากครับ
“สมศักดิ์” ทำได้แค่นั้น เพราะไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในมติของแพทยสภาได้
หนำซ้ำเป็นการเรียกแขกให้อดีตนักโทษชั้น ๑๔ เข้าใกล้คุกมากขึ้น
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วานนี้ (๒๙ พฤษภาคม) ทีมงาน “ลอกคราบทักษิณ” ไปยื่นคำร้อง มอบพยานหลักฐานชั้น ๑๔ เพิ่มเติม
ดูชื่อเสียงเรียงนามแล้ว “ทักษิณ” น่าจะกลืนข้าวไม่ค่อยลง
ชาญชัย อิสระเสนารักษ์
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
สมชาย แสวงการ
ตุลย์ สิทธิสมวงศ์
ภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ
นิติธร ล้ำเหลือ
นี่คือทีมงานรวมการเฉพาะกิจ ที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า ระหว่างนอนผึ่งแอร์ห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจนั้น อย่าว่าแต่ป่วยวิกฤตเลย “ทักษิณ” ไม่เป็นหวัดคัดจมูกด้วยซ้ำ
ไปยื่นเอกสารหลักฐานอะไร?
คือเอกสารโรงพยาบาลตำรวจ จำนวน ๒๖ ฉบับ
ทีมงาน “ลอกคราบทักษิณ” ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริง
มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองชัดเจน
เป็นใบเสร็จที่ “ทักษิณ” ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจในช่วง ๖ เดือนแทนคุกก่อนได้รับการพักโทษกลับไปบ้านจันทร์ส่องหล้า
เป็นใบเสร็จค่าห้อง
ไม่มีค่ายา
ค่าหมอ ก็หาไม่เจอ
ใบเสร็จเขียน ๑๕๙ บาท!
นี่จะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์หรือไม่
หากได้พิสูจน์กันในศาล นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก อย่างน้อยๆ หากมีการสร้างหลักฐานเท็จย้อนหลัง เอกสารโรงพยาบาลตำรวจ จำนวน ๒๖ ฉบับนี้ จะเป็นสิ่งยืนยันว่า การสมคบคิดช่วยให้ “ทักษิณ” ไม่ต้องติดคุกนั้น พยายามดิ้นกันสุดฤทธิ์
แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งมัดตัวแน่น
ความน่าเชื่อถือระหว่างแพทยสภา กับ “ทักษิณ-สมศักดิ์” แทบไม่ต้องสาธยาย
ครับ…เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามมติแพทยสภา ลงโทษแพทย์ ๓ คน เป็นการว่ากล่าวตักเตือน ๑ คน ในกรณีประกอบวิชาชีพและเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ๒ คน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง “ทักษิณ-สมศักดิ์” จะเปลี่ยนความจริงนี้อย่างไร
และความจริงนี้ส่งผลให้ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้นกับ “ทักษิณ”
เรียงหินไปอีก ๑๐ ชาติ ก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงได้
ซื้อเวลาก็ได้แค่อึดใจเดียว
ประชุมแพทยสภานัดหน้า วันที่ ๑๒ มิถุนายน ก่อนวันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนการบังคับโทษจำคุกทักษิณแค่ ๑ วัน
หากแพทยสภายืนยันมติเดิมด้วยเสียง ๒ ใน ๓ หรือ ๔๗ จาก ๗๐ ท่าน ซึ่งยังมองไม่ออกว่าแพทยสภาจะมีเหตุผลอะไรในการเปลี่ยนแปลงมติ “ทักษิณ” เตรียมบันทึกประสบการณ์ใหม่ของตัวเองได้เลย
เพราะวันรุ่งขึ้น มติแพทยสภาคือหลักฐานสำคัญที่ศาลใช้ในการไต่สวน
ใบส่งตัวเท็จ
เอกสารการรักษาเท็จ
น่าจะได้คำตอบในทันทีว่า การบังคับโทษจำคุกทักษิณนั้นไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล
ฉะนั้นต้องถอยไปทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
หากหนีไม่ทัน “ทักษิณ” ก็ต้องนอนคุก
เรื่องมีอยู่แค่นี้ครับ.
