เปลว สีเงิน
ยิ่งนานวันยิ่งสับสน….
รูปแบบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลไทย หน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่
ใครคือผู้บังคับบัญชาสูงสุด
วานนี้ (๑๓ พฤษภาคม) มีบทสัมภาษณ์แปลกแปร่งของ นายกฯ แพทองธาร ที่ฟังแล้วไม่รู้จะสื่ออะไรกันแน่
นักข่าวถามเรื่องที่ “ทักษิณ” ไม่ได้เดินทางไปกาตาร์เพื่อพบกับ โดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้ประเทศเสียโอกาสหรือไม่
ฟังคำตอบแล้วอึ้งครับ!
“…อันนี้จะพูดอย่างไรดีล่ะ…
ถามว่าก็น่าเสียดายโอกาสที่ว่า เราจะสามารถคุยกับคอนเนกชันที่ค่อนข้างใกล้และตรงกับทางประธานาธิบดีได้เลย หรือว่าเป็นตัวแทนประธานาธิบดีเอง มันก็ต้องเสียโอกาสอยู่แล้ว
ถ้ามีโอกาสคุยกันเลยตรงๆ ก็น่าจะง่ายกว่า
ทุกวงการถ้าเราได้มีโอกาสคุยกับตัวจริงเลยก็ดีกว่าอยู่แล้ว และอันนี้เป็นโอกาสที่สามารถพูดคุยกันได้ และจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวประธานาธิบดีหรือท่านทักษิณ เคยรู้จักกันมาอยู่แล้วในอดีตตอนที่ท่านเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก เคยได้พบเจอกันและพูดคุยกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าได้ไปพบเจอหรือถามแนวความคิดมันต้องได้ประโยชน์อยู่แล้วกับประเทศ ก็เสียดาย…”
นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกของ สส.ในสภาคนนี้กำลังพูดเรื่องอะไรครับ?
จงใจสร้างความเข้าใจผิด หรือเจตนาเล่าเรื่องเท็จให้ประชาชนฟัง
อัปยศสิ้นดี!
ไปดูเหตุผลที่ศาลไม่อนุญาตให้ “ทักษิณ” เดินทางไปประเทศกาตาร์ก่อนครับ
“…ศาลอาญาไต่สวนบุคคลและคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โดยพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักบริหารผู้รับเชิญพระราชวังลูเซล ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ อันมีลักษณะเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว มิได้เชิญจำเลยในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนประจำปี ๒๕๖๘
ทั้งไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่าหากประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ มางานเลี้ยงดังกล่าว จำเลยจะมีโอกาสพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ และทีมเศรษฐกิจเท่านั้น
ประกอบกับช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีที่ศาลฎีกาและคดีนี้ อาจกระทบต่อกระบวนการพิจารณาของศาลได้ กรณียังไม่มีเหตุผลอันจำเป็นที่หนักแน่นเพียงพอที่จะให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงไม่อนุญาต…”
ศาลไม่อนุญาตให้ “ทักษิณ” เดินทางออกนอกประเทศเพราะไม่ชัดเจน ไม่รู้ไปในนามใคร องค์กรไหน วันเวลา สถานที่การหารือ
กำหนดการต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัว “ทักษิณ” ไม่นำไปแสดงในศาลเลย
ในเมื่อ นายกฯ แพทองธาร เสียดายที่ “ทักษิณ” ไม่สามารถเดินทางไปพบ “ทรัมป์” ได้ คำถามคือทำไมไม่เตรียมการส่งตัว “ทักษิณ” ไปในนามรัฐบาลเสียแต่แรก
แต่งตั้งเป็นทีมเจรจาให้เป็นเรื่องเป็นราว
คิดว่าประชาชนกินหญ้าหรือครับที่มาพูดแบบนี้
นายกฯ แพทองธาร แทบไม่รู้เรื่องการบริหารราชการแผ่นดินเลย แม้กระทั่งบริหารบริษัทแทบไม่ต้องคิดไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะมีตัวช่วยตลอด
มาเป็นนายกรัฐมนตรีติดนิสัยเดิมมาด้วย
มองหาตัวช่วยตลอด
ก่อนที่คนไทยจะเชื่อคำพูดนายกฯ แพทองธาร ลองหาข่าวทีมเจรจาของจีน ญี่ปุ่น ว่าเขาส่งใครไปคุยกับทีมของประธานาธิบดีทรัมป์
แล้วไทยจะส่ง “ทักษิณ” ที่ไม่มีตำแหน่งแห่งหนอะไรในรัฐบาลเลย นอกจากเป็นพ่อนายกรัฐมนตรี
ใครจะเจรจาด้วย
นี่เรื่องพื้นฐานเลยนะครับ คนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องรู้
จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด
การเจรจาระหว่างประเทศ ตัวคนไปเจรจามันต้องชัดเจน
ไม่มีใครยอมเจรจากับคนไม่มีตำแหน่ง หรืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหรอกครับ เพราะเจรจาไปแล้วไม่รู้จะเปลืองน้ำลายไปเปล่าๆ หรือไม่
คุยเสร็จไม่รู้ใครมีอำนาจตัดสินใจ
คุยเสร็จแล้วเกิดข้อผูกมัดที่ต้องปฏิบัติกันทั้ง ๒ ฝ่ายหรือไม่
สำหรับประเทศไทย “ทักษิณ” ไม่ใช่คนที่ประเทศขาดไม่ได้
กลับกันประเทศไทยหากไม่มี “ทักษิณ” ก็ไม่ส่งผลอะไรแม้แต่น้อย
ความพยายามสร้าง “ทักษิณ” ให้กลับมามีความสำคัญ มองข้ามแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของคนในรัฐบาลด้วยกัน เป็นเรื่องที่อัปยศที่สุด
รัฐบาลมีทีมไทยแลนด์ มี “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าทีม
มี “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี “ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ” ที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจ คอยสนับสนุน
คนกลุ่มนี้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะไปเจรจากับทีมประธานาธิบดีทรัมป์ได้
แต่จู่ๆ รัฐบาลจะให้ “ทักษิณ” ไปแทน
อ้างว่าซี้กับ ประธานาธิบดีทรัมป์
โม้เกินจริงครับ
“ทักษิณ” กับ “ทรัมป์” รู้จักกันก็จริงแต่เพียงผิวเผิน
ไม่ได้ซี้ย่ำปึ้กตามที่รัฐบาลพยายามสื่อออกมา
ที่ซี้กันมากๆ เช่นผู้นำแถบยุโรป เขาเจอกันหลายเวทีในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีใครซี้พอที่จะคุยกับทรัมป์เป็นการส่วนตัวแล้วบอกช่วยลดภาษีให้หน่อย
ไม่มีใครเชื่อครับว่า “ทักษิณ” จะได้เจอทรัมป์ ต่อให้เจอก็แค่เดินสวนกัน ทักทายคำสองคำก็จบ ไม่มีการเจรจาหรอกครับ เพราะไม่ใช่วาระที่เขาต้องมาเจรจาอะไรกับใครโดยไม่มีนัดหมายไว้ก่อน
แต่คนที่เชื่อว่า “ทักษิณ” เตรียมหนี มันเยอะจริงๆ
เห็น “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.ตัวเป้งในพรรคเพื่อไทยบอกว่า
“…ผมทราบว่ามี สส.บางคนไปทานอาหารเช้ากับท่าน ก็เห็นท่านยังมีความสุข ไม่ได้มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น และผมเชื่อว่าท่านเตรียมทีมกฎหมายที่จะต่อสู้ไว้แล้ว
เรามั่นใจในตัวท่าน และในพรรคก็ไม่ได้มีการพูดถึงหรือวิตกกังวลทั้งสิ้น เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมว่าท่านไม่ได้ทำอะไรผิด…”
เป็นการบอกว่า “ทักษิณ” ยังอยู่ มี สส.ไปกินข้าวเช้าด้วย
เป็นการแสดงหลักฐานว่ามีคนเห็น “ทักษิณ” ยังอยู่ เพิ่งจะกินข้าวเช้าด้วยกัน
น่าเสียดายครับ สส.มีโอกาสกินข้าวกับพ่อนายกฯ ทั้งที ไม่มีการถ่ายรูป ถ่ายคลิปมาอวดกันบ้างเลย
จากนี้ไปจนถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน กระแสเสียงคำถามที่ว่า “ทักษิณ” ยังอยู่หรือไม่ หนีไปหรือยัง จะค่อยๆ ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉะนั้นช่วยแสดงตัวหน่อยครับ อย่าเอาแต่โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับคนโน้นคนนี้ เพราะมันไม่ใช่นิสัยที่แท้จริง
ทีออกจากโรงพยาบาลเดินปร๋อ ออกงานถี่ยิบ สลัดคราบผู้ป่วยวิกฤตไปอย่างว่องไว
คราวนี้ร่างกายแข็งแรงดี แต่กลับเก็บตัว ราวกับห่างหมอไม่ได้
แล้วจะให้เชื่อได้อย่างไรว่ายังอยู่.
