ผักกาดหอม
รัฐบาลแพทองโพยมีไว้ทำไม…
ครับ…ตั้งคำถามตรงๆ กับรัฐบาลหุ่นเชิด อดีตนักโทษหนีคุกคดีคอร์รัปชัน อนาคตไม่แน่ว่าสถานะจะกลับไปเป็นนักโทษติดคุกคดีคอร์รัปชันอีกครั้งหรือไม่
รัฐบาลแบบนี้นอกจากบริหารประเทศไม่ได้แล้ว ยังก่อปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนมีหน้าที่ไม่ได้ทำ ส่วนคนทำไม่มีหน้าที่
ประเทศไทยปีนี้จะเจอปัญหาหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาความมั่นคง
เรื่องความมั่นคงยกตัวอย่างง่ายๆ รัฐบาลแทบไม่มีแนวทางแก้ไขปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย กลับปล่อยให้คนที่ไม่มีหน้าที่เข้ามาเสือก
แทนที่รัฐบาลจะหาแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมและสามารถแก้ป้ญหาได้จริง แล้วค่อยไปตั้งโต๊ะเจรจา ไม่ว่าจะกลุ่มก่อเหตุ หรือรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน
แต่คนเสือกทุกเรื่องกลับเอาปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยไปแขวนกับรัฐบาลมาเลเซีย
เรื่องคุยโม้โอ้อวด ไม่มีใครเกิน “ทักษิณ ชินวัตร” แต่เรื่องความรับผิดชอบอย่าถาม
“ทักษิณ” เจ้าของวาทกรรม “โจรกระจอก” พยายามสร้างภาพสนิทชิดเชื้อกับ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และพยายามพูดถึงแนวทางแก้ปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็นระยะๆ
ล่าสุดที่พูดคือ ๒๖ เมษายนที่ผ่านมา
“…ตอนนี้เรากำลังจัดองคาพยพของเรา เพราะเรารู้ปัญหาเยอะ และคิดว่าคงจะมีการพูดคุยกันในเรื่องของความมั่นคง เพื่อให้สามารถเข้าใจตรงกัน และสามารถเดินหน้าได้ พยายามทำเต็มที่
อย่างน้อยปีนี้ทุกอย่างต้องเบาบาง หรือไม่ก็นำไปสู่จุดที่เป็นสันติภาพ…”
ผลก็อย่างที่เห็นครับ
ยิ่ง “ทักษิณ” พูดมากเท่าไหร่ การก่อเหตุรุนแรงยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทั้งๆ ที่ก่อนนี้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมาแรมปี
เหตุการณ์ล่าสุดคือการเล่นกับความรู้สึกของคนทั้งประเทศ โดยไม่แยแสอะไรทั้งนั้น
สังหารเด็ก สตรี ผู้พิการ
หลายองค์กรต่างเห็นถึงความโหดร้ายในครั้งนี้
เช่นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ถึงกับต้องออกแถลงการณ์ประณามการกระทำอันโหดร้าย ที่จงใจฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนชรา และผู้พิการ เรียกร้องให้ผู้ไม่หวังดียุติปฏิบัติการอันโหดร้าย ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม และขัดต่อหลักการอันดีของทุกศาสนา
แต่ “ทักษิณ” กลับไม่เสือกเรื่องนี้!
กบดานเงียบในถ้ำ จนบางคนสงสัยว่า “ยังอยู่หรือเปล่า”
ถ้ายังอยู่ช่วยแสดงตัวหน่อย
ที่ต้องถามเพราะมีแนวโน้มว่า จะเป็นสัมภเวสีล่องลอยไปเรื่อย คอยเสือกเรื่องในประเทศไทยมาจากต่างประเทศ
มีการพูดถึงแนวคิด “wellness complex” ตามแนวคิดของ “ศุภชัย พานิชภักดิ์” กันเยอะว่า ประเทศไทยควรสร้าง มากกว่าไปวนเวียนอยู่กับ “casino complex”
“สุทธิชัย หยุ่น” นำเรื่องนี้มาโพสต์ในสื่อโซเชียลว่า
“…ศุภชัย พานิชภักดิ์ เสนอว่าถ้าไทยจะสร้างคอมเพล็กซ์ใหญ่ก็ควรเป็นเรื่องสุขภาพที่กระจายไปทุกภูมิภาค ประเทศไทยมีจุดแข็งครบถ้วนและสามารถเป็นผู้นำระดับโลกได้ อีกทั้งสามารถดึงการลงทุนเอกชนได้แน่นอน!
wellness คืออนาคตโลก เราสามารถทำได้ดีกว่าสิงคโปร์, อินเดีย, ญี่ปุ่น และจะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไปถึงคนรุ่นต่อๆ ไป
casino คือเรื่องที่มีความสุ่มเสี่ยง ไทยไม่มีประสบการณ์และขาดความน่าเชื่อถือด้านบังคับใช้กฎหมายพอที่จะทำได้อย่างสิงคโปร์
แล้วมามัวเชียร์ฉ่ำๆ เรื่องกาสิโนกันอยู่ทำไม? (อันหลังนี้ผมพูดเอง)…”
เป้าหมายมันคนละอย่างกันครับ
รัฐบาลหุ่นเชิดคงมิได้คิดทำให้ไทยเป็นฮับสุขภาพของโลก เพราะไม่เข้าเงื่อนไขความโลภของรัฐบาล
แต่ “กาสิโน” ใช่
ไม่เกี่ยวอะไรกับการหาเงินเข้าประเทศเลยครับ เพราะไปถามคนในรัฐบาลวันนี้ยังสับสนว่าตั้ง กาสิโนขึ้นมาเพื่อรองรับนักแสวงโชคต่างชาติ หรือจะแก้ปัญหาการเล่นการพนันของคนไทยกันแน่
แล้วหาเงินให้ใคร
คำตอบมันอยู่ในแนวคิดของคนที่เสือกทุกเรื่องอยู่แล้วครับ
แต่ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง อาจอยู่ไม่ทันได้เห็นผลงาน
เรื่องที่เกิดบนห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ผลของมันกำลังจะหนักหนาสาหัสกว่าที่ “ทักษิณ” คาดคิด
อาจเป็นจุดจบของนักการเมืองตระกูลชินวัตร
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม “ทักษิณ” ไม่ยอมติดคุกเด็ดขาดครับ
ฉะนั้นทันทีที่บรรดาหมอๆ โรงพยาบาลตำรวจและราชทัณฑ์ ถูกแพทยสภาชี้ว่า ผิดจริยธรรมแพทย์ บกพร่องในจรรยาบรรณ “ทักษิณ” จะไม่ปรากฏตัวให้สาธารณชนได้เห็นอีก
มันคือหายนะ!
เพราะยังมีการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรออยู่
ในการบังคับคดี ศาลมีอำนาจชัดเจนตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒
เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ให้ผู้พิพากษาประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในศาลฎีกาฯ มีอำนาจออกหมายหรือคำสั่งใดๆ ตามที่เห็นสมควร เพื่อบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
๓ คดีที่ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก “ทักษิณ” ๘ ปี ก่อนได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ ๑ ปี เป็นไปตามคำพิพากษาแล้วหรือยัง
และอย่าลืมนะครับหลักเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษนั้น มิใช่เป็นการปล่อยคนผิดสู่สังคมอย่างถาวร
มีข้อกำหนดชัดเจนว่า เมื่อผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากการกระทำความผิดอย่างหนึ่งถูกฟ้องว่ากระทำความผิดอีกอย่างหนึ่ง อภัยโทษนั้นย่อมไม่ตัดอำนาจศาลที่จะเพิ่มโทษ หรือไม่รอการลงอาญาตามกฎหมายอาญาว่าตัวยกระทำความผิดหลายครั้งไม่เข็ดหลาบหรือว่าด้วยการลงอาญา
หมายความว่า “ทักษิณ” มีโอกาสกลับไปติดคุกได้ทุกเมื่อ
แต่จะติด ๑ ปี หรือ ๘ ปี เป็นอีกเรื่อง
และพระราชหัตถเลขา ในหลวง พระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุก ๑ ปี มีความตอนหนึ่งว่า
“…เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ…”
จะเข้าข่ายถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษด้วย “ความเท็จ” อีกกระทง
ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พัน ถ้าแพทยสภาลงโทษจริยธรรมหมอโรงพยาบาลตำรวจและกรมราชทัณฑ์
พ่อไม่อยู่หนูจะทำไง.
