“เดี๋ยวก็หาย อย่าคิดมาก”
“ สู้ ๆ เข้มแข็งหน่อย เป็นอะไรไปก็แค่เรื่องเล็กน้อย”
“บ่นทำไม เดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าอ่อนแอ”
ประโยคเหล่านี้ คุ้นหูหลายคนใช่ไหมคะ?
สังคมไทยในปัจจุบัน แม้จะพัฒนาไปมาก แต่เรื่อง “สุขภาพจิต” กลับยังเป็นหัวข้อที่หลายคนไม่กล้าพูดถึง หรือไม่อยากแสดงออกว่าตัวเองกำลังมีปัญหา เพราะกลัวถูกมองว่าอ่อนแอ ไม่สู้ หรือ “ไม่ปกติ”
แต่ในความเป็นจริง สุขภาพจิต คือเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนมีโอกาสเจอปัญหาได้ ไม่ต่างจากสุขภาพกายที่อาจเจ็บป่วยและต้องการการดูแล
แล้วทำไมคนไทยถึงยังไม่กล้าพูดเรื่องสุขภาพจิต?
1. กลัวถูกมองในแง่ลบ
หลายคนยังกลัวว่าการพูดว่าตัวเองเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า จะทำให้คนรอบข้างมองว่าเป็นคนอ่อนแอ ทั้งที่ความจริงแล้ว… การยอมรับว่าตัวเองต้องการความช่วยเหลือ คือความเข้มแข็งรูปแบบหนึ่ง
2. ความเชื่อแบบ “อดทนไว้”
วัฒนธรรมไทยมักปลูกฝังให้ “อดทน” และ “เก็บไว้ในใจ” ซึ่งในระยะสั้นอาจดูเหมือนเข้มแข็ง แต่ในระยะยาว การกดทับความรู้สึกอาจกลายเป็นระเบิดเวลาที่ทำร้ายทั้งใจและร่างกาย
3. ขาดพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย
หลายคนไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะถูกตัดสิน หรือกลัวว่าคนฟังจะไม่เข้าใจ การมีพื้นที่ที่ไม่ตัดสินและรับฟังด้วยความเข้าใจจึงสำคัญมาก
แล้วจะเริ่มเปิดใจได้อย่างไร?
· ยอมรับว่าทุกคนมีวันที่ไม่โอเคได้
เราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา การยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือก้าวแรกของการดูแลใจตัวเอง
· หาคนที่พร้อมรับฟัง
บางครั้งเพียงการได้พูด ได้ระบาย ก็ช่วยคลายความอึดอัดในใจได้มาก และหากคนรอบตัวไม่เข้าใจ ยังมีมืออาชีพที่พร้อมฟังคุณอย่างไม่ตัดสิน
· มองการพบจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา เป็นเรื่องปกติ
การไปหาหมอใจ ก็ไม่ต่างจากการไปหาหมอร่างกาย ไม่มีคำว่า “บ้า” มีแต่คำว่า “ใส่ใจตัวเอง”
ถึงเวลาหรือยัง…ที่เราจะเลิกกลัว และหันมาดูแลสุขภาพจิตอย่างจริงจัง?
สุขภาพจิตดี ชีวิตก็มีพลังมากขึ้น หากวันนี้คุณรู้สึกเหนื่อย เครียด สับสน หรือไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน
อย่าปล่อยให้ความกลัวการถูกมองแปลก ทำให้คุณต้องทุกข์อยู่คนเดียว
โรงพยาบาลสุขภาพจิต BMHH
ที่นี่…เราเป็นพื้นที่ปลอดภัย ที่พร้อมรับฟังคุณด้วยความเข้าใจ ไม่มีการตัดสิน ไม่มีคำว่าผิดหรือถูก มีแต่ความตั้งใจที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะสุขภาพจิตที่แข็งแรง…เริ่มจากการกล้าเปิดใจ