เท ‘ดีเอสไอ’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

สรุปคือผัวเมียเขาดีกัน เรากลายเป็นหมา…

ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) หรือ “บอร์ดคดีพิเศษ” วานนี้ (๖ มีนาคม) พิจารณาแนวทางที่อนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เสนอสอบคดีฮั้วเลือก สว. ๒ แนวทาง

๑.เสนอให้ กคพ.พิจารณาให้เป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานอั้งยี่ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ม.๑๑๖ และความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน

๒.ให้พิจารณาตามฐานความผิดคดีฟอกเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ที่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอในการทำคดีอยู่แล้ว

แต่เนื่องจากมีประเด็นความผิดต้องเกินวงเงิน ๓๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน ยังไม่ชัดเจนในวงเงินเกิน ๓๐๐ ล้านบาทหรือไม่

บอร์ดคดีพิเศษมีมติตามข้อ ๒ คือเอาเฉพาะคดีฟอกเงิน

เหตุผลที่ไม่เลือกข้อ ๑ ฐานความผิดอั้งยี่ ซ่องโจร เพราะเป็นความผิดนอกบัญชีกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษ

ที่มาตรา ๒๑ (๒) ระบุว่า คดีความผิดทางอาญาอื่นนอกจาก (๑) ตามที่ กคพ.มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่

การล็อบบี้ให้ได้มติ ๒ ใน ๓ ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างแน่นอน

ครับ…มตินี้จึงเป็นมติที่น่าสนใจ เพราะก่อนนี้ประโคมกันมาตลอดว่า ต้องจับ สว.สีน้ำเงินสังเวยฐานความผิดอั้งยี่ ซ่องโจร และฟอกเงินให้ได้

จนเกิดข้อถกเถียงว่า ดีเอสไอมีอำนาจทำเช่นนั้นหรือไม่

และยิ่งไปกว่านั้น นี่คืออำนาจการเมืองใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือในการล้างบาง สว.สีน้ำเงินใช่หรือไม่

แม้โทษคดีอั้งยี่จะเบากว่าคดีฟอกเงินอยู่เล็กน้อย

ฐานความผิดอั้งยี่ ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๗ ปี และปรับไม่เกิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท

ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑๐ ปี และปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท

ส่วนฐานความผิดคดีฟอกเงิน หรือสมคบฟอกเงิน มีโทษปรับระหว่าง ๒๐,๐๐๐-๒๐๐,๐๐๐ บาท จำคุก ๑-๑๐ ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

อายุความ ๑๕ ปี

ส่วนเงินจะต้องส่งคืนรัฐ

แต่ในทางการเมือง หาก “บอร์ดคดีพิเศษ” มีมติให้ดำเนินการกับ สว.สีน้ำเงิน ทั้งฐานความผิดอั้งยี่ ซ่องโจร และฟอกเงิน จะเป็นการเปิดสงครามระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทยอย่างชัดแจ้ง

เพราะเป็นการจงใจใช้นิติสงครามเกินขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจ

ต่างกับดำเนินตามฐานความผิดฟอกเงิน เพราะสามารถอ้างได้ว่าเป็นความผิดที่อยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.๒๕๔๗ อยู่แล้ว

แถมอธิบดีดีเอสไอมีอำนาจดำเนินการได้ทันที

โดยไม่ต้องขอมติจาก “บอร์ดคดีพิเศษ” แต่อย่างใด

ชัดๆ จากเจตนาในมติของ “บอร์ดคดีพิเศษ” คือ ดีเอสไอไปจัดการได้เลยตามอำนาจที่มีอยู่ โดย “บอร์ดคดีพิเศษ” เป็นแค่ตรายาง ให้ไปดำเนินการได้

หมายความว่า หลังจากนี้ดีเอสไอต้องไปตั้งลำเอาเอง

แม้ดีเอสไอมีอำนาจทำคดีฟอกเงิน แต่ความผิดในคดีเลือก สว.ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.๒๕๖๑

คือ…เป็นหน้าที่ของ กกต.

มาตรา ๗๗ บัญญัติว่า…ผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทําการใดๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี

(๑) จัด ทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

(๒) ทําการแนะนําตัวด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ

(๓) เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด

(๔) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด

ความผิดตาม (๑) ให้ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และให้คณะกรรมการมีอํานาจส่งเรื่องให้สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจได้

หมายความว่า ถ้ามีการซื้อขายเสียง ซึ่งเป็นความผิดฐานฟอกเงิน กกต.ส่งเรื่องให้ ปปง.เชือดได้

ไม่ใช่ดีเอสไอ

กกต.จะไปขอให้ดีเอสช่วยสอบก็ไม่ได้

เพราะกฎหมายมันบังคับให้ไปที่ ปปง.

แต่เรื่องที่ใหญ่กว่ากฎหมายทั้งหมดคือ มติ “บอร์ดคดีพิเศษ” เป็นการบอกใบ้ว่า จากนี้ไป ดีเอสไอไปทำคดีเอาเอง ฝ่ายการเมืองจะไม่เข้าไปยุ่งแล้ว

หากมีปัญหาทางข้อกฎหมาย อธิบดีดีเอสไอต้องรับผิดชอบเอาเอง

ฝ่ายการเมืองเขามองไปถึงการโหวตญัตติซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แล้วครับ

ยื่นหมูยื่นแมว ตบจูบ กันเรียบร้อยแล้ว

นายกฯ อุ๊งอิ๊งได้รับเสียงโหวตในสภาถล่มทลายแน่นอน

ไม่ขาดแม้เสียงเดียว

ฉะนั้น อธิบดีดีเอสไอครับ ท่านมีทางเลือกแค่ ๒ ทาง

คือแถลงข่าวขอยกเลิกทำคดีเสีย

หรือเดินหน้าโดยที่ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุก

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
“สส.จำลอง” ขอ รบ.เห็นความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล วอน เพิ่มงบให้กระทรวงศึกษาดูแลเด็กให้ดี เผย ไม่ติดใจเรื่องกู้เงิน หากเป็นประโยชน์กับ ปชช.
19 มิถุนายน 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่สอง สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในวาระแรก นายจำลอง ภูนวนทา...
Read More
0 replies on “เท ‘ดีเอสไอ’ #ผักกาดหอม”