ผักกาดหอม
น่าประหลาดใจในความพยายาม
ขณะที่ประเทศไทยกำลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก ๒๐๒๒) กลับมีบางฝ่ายบางพวกตอดเล็กตอดน้อย
หวังจะดิสเครดิต
ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร เพราะสุดท้ายแล้ว รัฐบาลไทยก็ต้องหารือ ดึงผลประโยชน์จากประเทศสมาชิกเอเปกมาให้คนไทยอยู่ดี
การส่งออก เทคโนโลยี อัตราการจ้างงาน ฯลฯ
ว่าไปแล้วรัฐบาลหน้าจะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ด้วยซ้ำ
แต่นักการเมืองก็ยังฉาบฉวย โจมตีแบบไร้สาระ
พรรคที่บอกว่าเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ หัวก้าวหน้าอย่างก้าวไกล กลับทำเรื่องที่มองแค่ปลายจมูกตัวเอง
“ปดิพัทธ์ สันติภาดา” ส.ส.พิษณุโลก ทวีตข้อความ ผ่านบัญชีทวิตเตอร์ OngPadipat@ongpadipat ตั้งคำถามถึงการประชุมเอเปกแบบคนไม่หาความรู้
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำถามจากคนเป็น ส.ส.
“…เราไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเนื้อหาของ APEC เลย นอกจากรู้ว่าพวกเขากินอะไร ได้ดูโชว์อะไร ฟังเพลงของใคร และรู้ว่าปมด้อยคือทำยังไงก็ได้ให้ได้จัด #APEC…”
ถามจริงเถอะครับแกล้งโง่ หรือโง่จริงๆ
เนื้อหาการประชุมเอเปกครั้งนี้ มีการนำเสนอผ่านสื่อไปมากมาย
หัวข้อการประชุมมีอะไรบ้าง
คนไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
แสดงว่าไม่อ่าน ไม่เข้าหู
เรื่องกินอะไร โชว์อะไร ฟังเพลงใคร มันเป็นเพียงสีสันของการประชุมเขตเศรษฐกิจที่มีพลเมืองกว่า ๓ พันล้านคน
ที่พูดถึงปมด้อยไม่ทราบต้องการบูลลีใคร
ประเมินคนอื่นต่ำไปหรือเปล่า?
การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก ประเทศที่จัดต้องมีความพร้อม
จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทั้ง ๒๑ เขตเศรษฐกิจ
ไม่ใช่อยากจัดเพราะมีปมด้อย
ความพิเศษของการประชุมครั้งนี้คือ เป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบ ๔ ปี หลังการระบาดของโควิด-๑๙ ที่สะเทือนไปทั่วโลก
มีคนเอาการจัดประชุมเอเปกยุคทักษิณปี ๒๕๔๖ มาเคลมว่าเจ๋งกว่าครั้งนี้ เพราะสามารถเชิญผู้นำประเทศมาได้มากกว่า
ไร้สาระครับ
บริบทของปี ๒๕๔๖ กับ ๒๕๖๕ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างที่กล่าวไว้ โลกเพิ่งจะคลายความหวาดผวาโควิด-๑๙ ครั้งนี้เพิ่งจะประชุมแบบจับเข่าคุย แต่ก็ยังมีผู้นำบางประเทศต้องถอนตัวกะทันหันเพราะติดโควิด เช่นกรณี สมเด็จฮุน เซน เป็นต้น
หรือกรณีความขัดแย้งเรื่องสงคราม โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ต่างก็ไม่มา มุมหนึ่งก็เป็นผลดี เพราะเวทีเอเปก ควรจะใช้คุยกันเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไม่ใช่เวทีสาดน้ำลายเรื่องสงคราม
ขณะที่ปี ๒๕๔๖ ช่วงไทยจัดการประชุมเอเปก โลกค่อนข้างสงบราบรื่น
ฉะนั้นการมองว่าไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกปีนี้เพื่อกลบปมด้อย ถือเป็นการดูถูกประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง
ส.ส.ในฐานะตัวแทนประชาชน ควรจะวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นที่จะหารือกันในที่ประชุมผู้นำเอเปกมากกว่ามาเหน็บแนมเรื่องจะกินอะไรกัน
อย่าทำตัวเป็นเด็กเล่นขายของ
เรื่อง ปลากุเลาเค็มตากใบ ก็เช่นกัน มีความพยายามจะจับผิด
จะดิสเครดิต หรือความผิดพลาดในการนำเสนอข่าวสารก็ตามที แต่ผลที่อออกมา สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สื่อของรัฐ โดยงบประมาณรัฐ ทำตัวราวเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลนี้ในทุกเรื่อง
แม้กระทั่งเรื่อง ปลากุเลาเค็ม
ครับ…ก็ตามที่รับรู้กัน ไทยพีบีเอส รายงานว่า ผู้ประกอบการปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาสหลายรายพากันโวยวาย เมื่อรู้ว่าปลากุเลาเค็มตากใบที่ถูกเลือกเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ผู้นำเอเปกนั้นมาจากที่อื่น
ไม่ใช่ปลากุเลาเค็มตากใบ
วิจารณ์กันไปเรื่อยถึงขั้นแชร์ต่อๆ กันว่า เป็นปลากุเลาปลอม
เอาซิครับ!
ต่อมาเฟซบุ๊ก “ปลากุเลาเค็มป้าอ้วนตากใบ” ชี้แจงเรื่องนี้ ยืนยันว่าปลากุเลาเค็มตากใบ ที่จะนำไปขึ้นโต๊ะผู้นำเอเปก เป็นปลาของที่ร้าน
เพราะเป็นร้านจำหน่ายปลากุเลาเค็มเพียงรายเดียวในอำเภอตากใบ ที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนดด้านคุณภาพที่เหมาะสมกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนที่น่าเชื่อถือ (มผช.) ในระดับ ๕ ดาว
มีเจ้าหน้าที่ซื้อปลากุเลาเค็มไปจำนวน ๑ ตัวเพื่อนำไปชิมก่อนแล้ว กระทั่งมีการสั่งซื้อผ่านออนไลน์
“ชุมพล แจ้งไพร” เชฟมิชลินสตาร์ชื่อดังของไทย ผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าเชฟในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ผู้นำเอเปก ยืนยันอีกเสียงว่า…
ไม่มีปลากุเลาปลอม
สั่งปลากุเลาตากใบจากร้าน “ปลากุเลาเค็มตากใบป้าอ้วน” เป็นสินค้าโอทอป ๕ ดาวจริง
แต่….ผู้ประกอบการกลุ่มอื่นไม่ได้ทราบในข้อมูลตรงนี้ จึงเกิดความเข้าใจผิด!
ตอนนี้ “ปลากุเลาเค็มตากใบป้าอ้วน” ก็เลยขายดีอยู่เจ้าเดียว
ซอฟต์เพาเวอร์ย่อมๆ
แทนที่ “ตากใบ” จะได้ขายปลากุเลาเค็มกันทั่วหน้า รับทรัพย์ไปพร้อมๆ กัน
เรื่องมันก็มีอยู่แค่นั้น
ปลากุเลาเค็มตากใบป้าอ้วน ก็คล้ายหลายๆ กรณีที่ขัดแย้งกันอยู่ในสังคม ข้อเท็จจริงมีอยู่แล้ว แต่ไปสร้างข้อเท็จจริงอีกชุด เพื่อตอบสนองความเชื่อของคนบางกลุ่ม
อย่าง ส.ส.ปดิพัทธ์ ถือเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ กลับหยิบเอาประเด็นที่ฉาบฉวย ไปโจมตีการประชุมเอเปก ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระหนักๆ
เพียงเพื่อให้สาวกด่ารัฐบาล
แล้วมันได้อะไรขึ้นมา
นี่ยังไม่นับกลุ่มคนที่สร้างชุดข้อมูลเท็จเรื่องสถาบัน เรื่องรัฐบาล ใช้โซเชียลปั่นจนผู้เสพพากันเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าเป็นเรื่องจริง
ปลากุเลา เป็นปลาสองน้ำ ชอบอาศัยอยู่ตามปากแม่น้ำ หากินตามหน้าดินที่เป็นดินโคลนไปเรื่อย คุณลักษณะนี้หากนำมาเทียบกับคน ถือว่าเป็นพวกนกสองหัว กินของสกปรก ใช้ไม่ได้
แต่ปลากุเลา เป็นปลาเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ชาวบ้านเป็นกอบเป็นกำ
เมื่อเทียบกับปลากุเลา คนบางพวกบางกลุ่ม ช่างไร้ค่า
ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้สังคมเลย