เปลว สีเงิน
ไม่นึกว่าแค่ หวัด-ไอ-ไข้รุม จะรักผมไม่ยอมพรากขนาดนี้
ก็ต้องขอบคุณ มากท่าน
ที่บอกสูตรเด็ด-เคล็ดลับ “แก้ไอ” สไตล์พื้นบ้านมาให้ และสั่ง ผมอย่าเพิ่งรีบตาย อยู่คุยเป็นเพื่อนกันไปก่อน!
ตายก็เหมือนนอนหลับแหละครับ
ทุกคนอยากหลับยาวววว เพราะรู้ว่า เดี๋ยวก็ตื่นสดชื่นตอนเช้า
แต่ไม่มีใครอยากหลับยาว เมื่อรู้ว่า ยาวแบบยาวไปเลยนั้น ต้องไปตื่น ณ ที่ซึ่งไม่มีใครตามพบ
แล้วที่นั้น มันเป็นที่ไหน ถ้ารู้ อาจมีคนอยากหลับแบบลืมตื่นบ้างก็เป็นได้นะ?
ก็ไม่ยาก บอกได้เลย….
ถ้าเป็นคนประเภททุราจารบ้านเมือง กินสินบาท-คาดสินบน “รวยแล้วไม่โกง” แต่โกงทุกเม็ด ที่ไปของเขามี ๘ ขุม
“สัญชีวนรก” ขุมแรกและ “อเวจีมหานรก “ขุมที่ ๘ ลึกสุด-โหดสุด พวกนี้ ได้ไปแน่ ณ ขุมใด-ขุมหนึ่ง
คนประเภทสม่ำเสมอใน “ทาน-ศีล-ภาวนา” เอากันง่ายๆ แค่รักษาศีลให้มั่นอย่างน้อยซักข้อ
หลับยาวของเขา จะไปตื่นที่ “ฉะกามาพจร” คือ สวรรค์ มี ๖ ชั้นให้เลือก ซึ่งยังต้อง “มีเกิด-มีตาย” เวียนว่ายไปตามกรรมเหมือนมนุษย์โลกนี่แหละ
“จาตุมหาราชิกา” เป็นชั้นแรก และ “ปรนิมมิตวสวัตดี” เป็นชั้นสูงสุดของสวรรค์
เห็นมั้ย…
“ตาย-เกิด” ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว มีช้อยซ์ให้เลือกที่ไปได้อีกตะหาก รู้กันอย่างนี้แล้ว พวกเราอาจไม่รังเกียจที่จะหลับยาว
เพื่อไปตื่น ณ ที่ซึ่งไม่มีใครตามพบ “นอกจากตัวเอง”!
แล้ววันนี้ เราจะคุยอะไรกันดีล่ะ?
เห็นการเมืองใน “อุ้งมือโจร” ตอนนี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวรธรรมคติ “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร”
มีบันทึกไว้ในรายการ “แสงส่องใจ ในมหาจักรี” ว่า
………………………..
“กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
ผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน”
” …..คำพยากรณ์แต่โบราณนานมานี้ “น่าจะบอกว่ายุคมืดจะมาถึง คือยุคที่คนดีจะถูกเหยียบย่ำ คนชั่วจะได้รับยกย่อง”
ซึ่งต้องเป็นผลของกรรมที่ได้ทำกันมา ทั้งกรรมชั่ว และทั้งกรรมดี กรรมที่เอื้อมมือมาถึงแล้ว
อย่างไรก็ตาม….
“เราทุกคน พึงหลีกให้พ้นการเป็นมือแห่งกรรมชั่ว ที่จะเหยียบย่ำคนดี และหลีกให้พ้นจากการเป็นมือแห่งกรรมดี ที่จะยกย่องคนชั่ว”
เพราะจะเป็นการร่วมสร้างบ้านเมืองของตนให้สิ้นความงดงาม ที่จะเกิดจากกำลังใจของคนดี ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนดี
บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยความเลวร้าย ที่เกิดจากกำลังใจของคนชั่ว ที่จะเกิดจากกำลังความสามารถของคนชั่ว “พึงรอบคอบในการดูให้รู้จริง ว่าใครดี ใครชั่ว”
รอบคอบในการฟังเสียงบอกเล่า จึงจะช่วยประเทศชาติให้สวัสดีได้ และช่วยตนให้พ้นบาปได้ .. ”
“แสงส่องใจ วันมหาจักรี”
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
…………………………………………
“หน้าข้าว-หน้าเหล้า” ช่วงรัฐบาลเพื่อไทยกำลังผลักดัน “พรบ.กาสิโน” และ “พรบ.แก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ” เข้าสภา
ทั้ง ๒ รายการนั้น พรรคภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ส่งสัญญาน “ไม่สนับสนุน”
ทางวุฒิสภา “สว.สีน้ำเงิน” ก็ชัดเจน ทั้งตั้งกาสิโน ทั้งแก้เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ
“สว.สีน้ำเงิน” ไม่ให้ผ่าน ในชั้นวุฒิสภาแน่!
จึงไม่มีอะไรต้องฉงน ที่เห็นรัฐบาลเพื่อไทย “ทักษิณคิด-แพทองธารทำ” ลงมือปฎิบัติการกำจัด “๑๓๘ สว.สีน้ำเงิน” ที่เป็นปราการ “ด่านสุดท้าย” ในการพิทักษ์ชาติ-ศาสน์-สถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรง
เมื่อวาน “บอร์ด DSI” ที่รองนายกฯ ภูมิธรรมเป็นประธานเพื่อขอมติเรื่อง “ฮั้วสว.” จะให้รับมาเป็นคดีพิเศษหรือไม่?
ถกกันร่วม ๓ ชั่วโมง ยังไม่ได้ข้อยุติ….
ต้องเลื่อนลงมติออกไปก่อน นัยว่าต้องให้กกต.เข้ามาชี้แจง ไปว่ากันอีก ๖ มีนาโน่น!
ดูข้อหาตามที่เขาร้องให้ตรวจสอบกระบวนการเลือกสว.โอ้โห…มันร้ายแรงยิ่งกว่าแก๊งคอลเซHนเตอร์ แก๊งล่มชาติ-ล้มสถาบันซะอีก
-กระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร -เป็น “อั้งยี่-ซ่องโจร”
-ฟอกเงิน
นี่ถ้าเป็นสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โหด-เถื่อน-ดิบ แบบนี้ละก็ ถูกสามนิ้วแดง-ส้ม พวกทูตไร้สกุลออกมาถล่ม ในถนน ในสภา ในโซเชียล
จนถึงพวกองค์กรระหว่างประเทศ รับลูก ทั้งสวด-ทั้งสับยับไปนานแล้ว
แต่นี่ป็นรัฐบาลเพื่อไทย…เงียบกริ๊บ หมาประชาธิปไตยซักตัวก็ไม่มีเห่า!
ขอโทษ…อาจมีบ้าง แต่ไม่ใช่หมา หากแต่เป็น “หัวหน้าฝ่ายค้าน” จากพรรคประชาชน ออกมาสนับสนุนให้ดีเอสไอจัดการสว.สีน้ำเงิน!
ผมไม่รู้ข้อเท็จจริงหรอกครับว่า การเลือกสว.ชุดนี้ มีการทำผิดเข้าข่ายตามที่เขาร้องจริงหรือไม่ และเพราะด้วยเหตุใด ดีเอสไอ จึงพยายามให้เป็นคดีเศษ?
เพียงแต่ตามดู-ตามฟังแล้ว อยากตั้งประเด็นถาม
๑.ทำไมจึงตรวจสอบเฉพาะ ๑๓๘ สว.สีน้ำงิน ว่าฮั้วเลือกตั้ง อีก ๖๒ สว.กลิ่นความสะอาดตลบฟุ้งอย่างนั้นใช่มั้ย?
๒.ถ้า ๑๓๘ สว.นั้น เป็น “แดง+ส้ม” วันนี้ จะมีการตั้งเรื่องให้ DSI รับมาทำเป็นคดีพิเศษหรือไม่?
๓. DSI ทำไมไม่ขมีขมันตรวจสอบการได้มาซึ่งตำแหน่ง สส.จากเลือกตั้ง ปี ๖๖ เช่น จากพรรคเพื่อไทย-พรรคประชาชาชนบางพื้นที่ ที่พบปัญหา เหมือนขมีขมันตรวจสอบ ๑๓๘ สว.นี้บ้างล่ะ?
๔.การเลือกตั้ง “นายกอบจ.” บางจังหวัด พบการร้องเรียน ไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม แต่ก็ไม่เห็น DSI กระตือรือร้น จะอามาเป็นคดีพิเศษ เหมือนเคส.๑๓๘ สว.?
๕.การเลือกสว.อยู่ในเขตอำนาจของกกต.ตาม “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.๒๕๖๐ (พรป.กกต.)” มิใช่หรือ?
มาตรา ๔๙ บอกว่า……….
“เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการว่าหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องการกระทําความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไว้พิจารณา และคณะกรรมการเห็นว่าเป็นการสมควรที่คณะกรรมการจะดําเนินการเองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนนั้น
โอนเรื่องหรือส่งสํานวนการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทําความผิดนั้นมาให้คณะกรรมการเพื่อดําเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
ในกรณีเช่นนี้ ให้หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนโอนเรื่องหรือส่งสํานวนการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองมาให้คณะกรรมการภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว”
เมื่อกฎหมายระบุเช่นนี้ มันก็ชัดว่าอยู่ในเขตอำนาจกกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ คือกกต.เป็น “สารตั้งต้น” ของคดี ต้องให้กกต.เขาจัดการก่อน
พบผิดทางอาญาข้อหาไหน ค่อยไปตามช่องที่พรป.กกต.และพรป.สว.บอกเส้นทางเดินไว้ให้
นั่นคือ ทุกอย่าง ต้องเริ่มต้น ๑ ที่กกต.ก่อน
การที่ยังไม่ผ่านขั้นตอน กกต.รัฐบาลจะข้ามขั้นตอนไป ๒-๓ เอาเรื่องให้ DSI ทำ ขัดกฎหมายชัดๆ อธิบดี DSI ระวังจะเป็น “ธาริต ๒” ที่อยู่ในคุกตอนนี้
ทางที่ถูก DSI มีหลักฐานใดๆ หรือรับเรื่องไว้ ต้องรีบแจ้งและส่งเรื่องให้กตต.เขาทราบ ไม่ใช่เอาเรื่องมาทำเองแบบนี้
๖.”พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๖๑ (พรป.สว.)”
มาตรา ๖๒ บอกไว้ชัด ว่าใครต้องทำอะไร ที่ไหน กรณีฮั้วสว.
มาตรา ๖๒ เมื่อคณะกรรมการประกาศผลการเลือกตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า
ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือกหรือรู้เห็นกับการกระทําของบุคคลอื่น อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม
ให้คณะกรรมการยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น
เมื่อศาลฎีกามีคําสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา
ให้ผู้นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่า ผู้นั้นมิได้กระทําความผิด
เมื่อศาลฎีกามีคําพิพากษาว่า ผู้นั้นกระทําความผิดให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ….ฯลฯ…..
และมาตรา ๗๗ ผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทําการใด ๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้น หมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใดต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี
(๑) จัด ทํา ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคํานวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด…………
ให้ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
และให้คณะกรรมการมีอํานาจส่งเรื่องให้สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจได้
ก็ชัดว่า ข้อหาอั้งยี่-ซ่องโจร และการฟอกเงินนั้น ถ้าพบให้กกต.ส่งเรื่องไปให้ป.ปง.ดำเนินการ ไม่ใช่ DSI จะเข้าไปจัดการ
เนี่ย…
ข้อเท็จจริงผมไม่รู้ เพียงรู้ตามธรรมชาติเลือกตั้งไทย ไม่ว่าเลือกสส.-สว.-อบจ.-อบต.กระทั่งผู้ใหญ่บ้าน
หมาเลิกกินขี้ นั่นก็ยังไม่แน่ เลือกตั้งจะเลิกทุจริต!?
เรื่องกำจัด ๑๓๘ สว.สีน้ำงิน เหมือน “หนังเงียบ” ไม่ต้องพากษ์ เรื่องมันเดินให้เข้าใจได้เอง
นั่นคือ “ผิด-ถูก” ผมไม่รู้ รู้แต่เส้นทางเดินตามกฎหมาย อีกอย่างที่รู้ และประทับใจผมมาก
เพราะมี ๑๓๘ สว.สีน้ำเงิน ประเทศจึงพ้น “หมารุมทึ้ง”
เพราะเหตุนี้ ขะโมย-ขะโจร มันจึงต้องวางแผน “วางยาเบื่อหมา” เพื่อเปิดทางโจรปล้นเมือง
วลีสุดท้าย ขอแถม…….
ถ้า “แดง-ส้ม” ไม่ได้คุมวุฒิสภา “สีน้ำเงิน” ก็อย่าหวังว่าจะได้เข้ามาคุม
ทั้งหมดก็เท่านี้ จบ!
เปลว สีเงิน
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
