สำนึกของ ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

จริงสินะ….

“ทักษิณ” อ้างว่าต้องทำงาน เพราะเป็นคนจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

อ้างข้อความในพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ว่า “เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน”

ฉะนั้น “ทักษิณ” จึงทำหน้าที่เชิดนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรี ข้าราชการเดินตามเป็นขบวน

จึงกลายเป็นระบอบการปกครองที่แปลกประหลาด นายกรัฐมนตรีอยู่ใต้การบงการของ นักโทษที่ได้รับการพระราชทานอภัยลดโทษอีกที

ตรรกะของ “ทักษิณ” ยากจะบรรยาย

แต่ก็มีผู้บรรยายชนิด “ทักษิณ” ได้ฟังต้องกระอักเลือด

“ทักษิณ” ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน จริงหรือ

ม.จ.จุลเจิม ยุคล โพสต์ข้อความไว้ดังนี้ครับ

“…จริงคือเท็จ เท็จคือจริง สรุปว่าจะตอแหลหรือไม่ตอแหลเท่านั้น อาจจะเป็นนิมิตที่ดีประเทศไทย ที่จะไม่มีกาสิโน และการพนันถูกต้องตามกฎหมาย

ตามที่คุณทักษิณ ได้ออกมาพูดต่อหน้าประชาชนชาว จังหวัดยะลา ที่บ้านศรีวรา เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งมีเนื้อหาตอนหนึ่ง ถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันและประเทศชาติ ว่า

….สำคัญที่สุดเมื่อผมได้รับพระบรมราชโองการลดโทษ ก็ทรงระบุชัดในพระบรมราชโองการว่า ผมต้องใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยบ้านเมือง

ถ้าผมอยู่เฉยๆ แสดงว่าผมไม่จงรักภักดี ผมเป็นคนจงรักภักดี ผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อยากทำงานให้บ้านเมืองโดยที่ไม่ต้องมีหน้าที่อะไร

เพราะความสำนึกมันมีความสำนึกเป็นคนไทย สำนึกเป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทำให้ดีที่สุดนั่นเอง……..

เมื่อคุณทักษิณพูดเช่นนี้ ผมก็อยากให้คุณทักษิณ ได้ทำงานตอบแทน และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตามที่ คุณทักษิณ ได้พูดมาแล้ว ว่าจงรักภักดีต่อสถาบัน และประเทศชาติ บ้านเมือง

เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณทักษิณย่อมรู้ดีว่าในปัจจุบัน ปัญหาใหญ่ที่ประชาชนคนไทยทั่วประเทศต่อต้าน และไม่ต้องการให้มีกาสิโน และการพนันถูกต้องตามกฎหมาย ในประเทศไทย

แต่รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (ซึ่งเป็นลูกสาวคุณ) และพรรคเพื่อไทย (ก็ของคุณอีกนั่นแหละ) กำลังดำริให้มีการเปิดกาสิโน และการพนันต่างๆ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งขัดกับพระราชประสงค์ และพระราโชบาย ของ พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

อาทิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จนถึงรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ที่ทรงไม่มีพระราชประสงค์เห็นด้วยให้มี บ่อนการพนัน และหรือการเล่นการพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศ

(พ.ศ. ๒๔๔๐ หรือ ๑๒๗ ปีที่แล้ว ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสยุโรป ทรงมีจดหมายถึงกรมพระยาดำรงฯ มีความตอนหนึ่งที่สำคัญมาก คือลิขิตถึงภัยของบ่อนกาสิโน ว่า ‘ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ’)…”

ครับ…. “ทักษิณ” คงต้องพูดถึงความจงรักภักดีอีกครั้ง เพราะพฤติกรรมไม่เหมือนอย่างที่พูด

ประเด็นพระมหากษัตริย์กับบ่อนการพนัน เหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ

บทความโดย เพจ ฤๅ-Lue History คือสิ่งที่ “ทักษิณ” ต้องอ่าน

ในขณะที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงมองเห็นถึงพิษภัยของการพนัน ที่มีต่อพสกนิกรของพระองค์ แม้จะสร้างรายได้จำนวนมากให้แผ่นดินก็ตาม พระองค์ก็ไม่ได้ทรงเห็นงาม

หาหนทางที่จะลด และเลิก มาตลอด

แต่นักการเมืองนั้น กลับทำตรงกันข้าม

พยายามมาตลอดที่จะให้มีสถานการพนัน บ่อนเกิดขึ้นให้จงได้ ไม่ว่าจะยุคจะสมัยใด

…………………………………………………………………….

เมื่อกว่าร้อยปีก่อน ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงเห็นถึงภัยของการพนัน โดยมีพระราชหัตถเลขาถึง กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ดังนี้

จุฬาลงกรณ์ ปร.

ถึงกรมดำรง ฉันได้ส่งของที่รลึกมอนติกาโล คือเหรียญร้อยแฟรงก์ที่เขาสำหรับเล่นเบี้ยกัน ๓ เหรียญ หม้อมูตรลงยา ๔ หม้อ ตุ้มหู้ไข่นกการเวก ๑ คู่ มาโดยบุกโปสต ขอให้ส่งให้เจ้าสาย

ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย

สนุกยิ่งกว่าอไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ

ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าแต่สักวันเดียวก็ไม่ควร

ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเรา น่ากลัวอย่างยิ่ง

จะดื่มไม่เงย แต่ฉันเปนคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุก

ได้จดหมายเรื่องราวมาที่หญิงน้อย เมื่ออยากทราบก็ให้ขอดูเถิด

สยามินทร์

พ.ศ. ๒๔๕๖ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระราชดำริที่จะชักนำประชาชนให้เลิกอบายมุข จึงได้มีการตั้งคลังออมสินขึ้น เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนได้ริเริ่มการออมเงินแทนการเล่นพนัน และต่อจากนั้นอีก ๓ ปี ก็มีการเลิกหวย ก.ข. และเลิกบ่อนเบี้ยในที่สุด ซึ่งในปีนั้นเศรษฐกิจยังดีอยู่มาก

พ.ศ. ๒๔๖๑ เจอปัญหากักกันข้าว พร้อมกับราคาดีบุกตกต่ำ ประเทศขาดเงินรายได้หลายล้าน กลายเป็นปัญหากลุ้มรุมชนิดผีซ้ำด้ำพลอย ลากยาวมาถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๙

พ.ศ. ๒๔๗๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ได้มีการออก พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๓ จุดประสงค์เพื่อควบคุมการเล่น และค่อยๆ จำกัดให้ลดน้อยลง แต่แล้วก็มีการยกเลิก พ.ร.บ. ฉบับนั้นไป

พ.ศ. ๒๔๗๘ หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลใหม่พยายามเปิดเสรีให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ ด้วยการออก “พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงื่อนไขการพนันตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘” เป็นกฎหมายฉบับแรก ที่รัฐบาลริเริ่มให้มีบ่อนการพนันที่จัดการโดยรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

พ.ศ. ๒๔๘๑ ในยุคจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มีการเปิดสถานกาสิโนถึง ๕ แห่ง ที่หัวหิน ลพบุรี พิษณุโลก หนองคาย และเบตง สร้างรายได้มากมายจนมีการขยายเพิ่มอีกเป็น 11 แห่ง คือ หัวหิน เชียงราย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี ตราด สงขลา ภูเก็ต เบตง และสุไหงโก-ลก ซึ่งไม่ปรากฏรายละเอียดว่าดำเนินการอย่างไรบ้าง เว้นก็แต่ที่หัวหิน และสงขลา ท่านรัฐมนตรีการคลังในสมัยนั้นคือ ปรีดี พนมยงค์ ได้เดินทางไปเปิดด้วยตนเองทีเดียว

แต่สุดท้าย สถานกาสิโนเหล่านี้ก็ได้เงียบหายไป

พ.ศ. ๒๔๘๘ เกิดเหตุภาวะเงินเฟ้อระหว่างสงคราม รัฐบาล นายควง อภัยวงศ์ จึงดำริที่จะดำเนินการดูดเงินคืนออกจากระบบ เพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ จึงได้ปัดฝุ่น พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘ ออกมาใช้ และจัดตั้งสถานกาสิโนขึ้นในวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ – ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๘

ปรากฏว่าเพียง ๘๒ วัน เฉพาะในกรุงเทพ ทำรายได้จากสถานกาสิโนถึง ๑๒.๙๔ ล้านบาท หรือ ๒๒.๘% ของงบประมาณรายได้ประจำเดือน ซึ่งถ้ารวมกาสิโนทั้งประเทศ ทำรายได้กว่า ๒๔.๑๓ ล้านบาท เรียกได้ว่าทำเงินถล่มทลาย

แต่สุดท้าย สถานกาสิโนดังกล่าวก็ต้องปิดตัวลง เนื่องจากประชาชนเล่นการพนันกันจนหมดเนื้อหมดตัว บางรายถึงกับฆ่าตัวตาย

และความพยายามครั้งล่าสุด พ.ศ. ๒๕๖๘ ก็ได้ผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาลไปเรียบร้อย……

เมื่อเวลาผ่านไปอีกสิบปี ร้อยปี การกระทำของรัฐบาลชุดนี้ จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ ว่าด้วยรัฐบาลที่นำการพนันขึ้นมาทำให้ถูกกฎหมาย

เพียงเพราะต้องการหารายได้มาเพื่อตอบสนองนโยบายเอาใจประชาชนเท่านั้น.

…………………………………………………………………….

“ทักษิณ” ไม่ยอมติดคุก อ้างได้รับพระราชทานอภัยโทษ

เมื่อได้รับพระราชทานอภัยโทษ “ทักษิณ” อ้างว่าทรงอนุญาตให้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์เพื่อชาติ

“ทักษิณ” บงการให้รัฐบาลเปิดกาสิโน พนันออนไลน์ อ้างว่าเพื่อนำเงินเข้ารัฐ

ในอดีตพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้ประชาชนละจากอบายมุข

แต่ “ทักษิณ”ทำตรงกันข้าม

ยิ่งกว่าตอแหลครับ

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
เทศบาลนครยะลา คว้าอันดับ 1 ประเภท ดีเลิศ “อปท.ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2567” พร้อมเงินรางวัล 3,200,000 บาท
30 ตุลาคม 2567 นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา นำคณะ ข้าราชการและพนักงานเทศบาลนครยะลา รับโล่รางวัลและเกียรติบัตรรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี พ.ศ.2567 อันดับ...
Read More
0 replies on “สำนึกของ ‘ทักษิณ’ #ผักกาดหอม”