ดินแดน “อโคจร” #สันต์สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

นี่..ถ้าเป็นแนวคิดนายกฯ ลุงตู่

เห็นจะไม่ได้ยินคำเทศนาที่ละมุนแบบ.. “ปัญหาเรื่องน้ำเมา หรือที่เรียกว่าน้ำผลาญสตินั้น คนเราถ้าสติไม่ดี ก็จะเกิดเรื่องเสียๆ ได้โดยง่าย

แต่ถ้าเราสติดีมันเป็นเครื่องช่วยยับยั้งหักห้ามเหนี่ยวรั้งเอาไว้ให้ ขอให้ดูเหตุดูผลกันให้ดีก่อน แต่ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจมันไม่ดีจนต้องใช้วิธีนี้มาแก้ไขก็แล้วแต่

ขอให้คณะรัฐมนตรีและท่านนายกรัฐมนตรี ไปชั่งดู ทำดูซักพักนึงก็ได้ ผลได้ผลเสีย ผลดีผลร้าย อันไหนเกิดมากกว่ากัน ถ้ามันเสียมากกว่าได้นะ ก็ขอให้ยับยั้งไว้ก่อน

แต่ถ้ามันได้ดีขึ้นทุกด้าน เศรษฐกิจดี ศีลธรรมดี ก็ค่อยทำไป แต่ถ้ามันไม่ดี ได้ไม่คุ้มเสียล่ะก็ อย่าทำเลยดีกว่า..” นี้หรอกนะ!

บังเอิญ เป็นรัฐบาลแพทองธาร ที่พ่อนายกรัฐมนตรีได้ไปถวายเงิน 2 แสนบาทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตอนที่กุฏวัดสวนแก้วโดนไฟไหม้..

พระพยอม กัลยาโณ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส จึงได้มีเมตตาเทศนาเตือนสติทั้ง ครม.และนายกฯ แพทองธารด้วยความละมุนละไม ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์รุนแรงอะไรมากมายกับแนวคิด..

ปลดล็อกให้ขายเหล้าเบียร์ได้ตลอดเวลา แม้ “วันพระใหญ่” ก็ไม่เว้น!

ยกมือ “สาธุ” เสียนะอุ๊งอิ๊ง เพราะถ้าไม่ใช่นายกฯ ลูกสาวนายทักษิณ คำเทศนาคงจะดุเดือดกว่านี้ เพราะพระพยอมนั้นได้ชื่อเป็นพระนักเทศน์ที่ค่อนข้างแอนตี้เรื่องเหล้ายาเป็นพิเศษ..

ถึงกับมีประโยค-คำคม.. “ถ้าเราเอาเหล้ากับขี้ไปตั้งให้หมามันกิน หมามันเลือกกินขี้” ให้จดจำ!

สาธุแล้ว ก็น้อมรับไปใคร่ครวญ-ไตร่ตรอง ถ้าจะขัดใจบุพการีสักเรื่องก็ต้องทำแล้วล่ะ อย่าตามใจ และไม่ต้องเชื่อพวกลิ่วล้อที่คอยแต่เชลียร์นั่นเลย

ไม่ต้องพูดถึงผลดี-ผลเสีย คิดเอาแค่ว่า ปีหนึ่งมี 365 วัน ประเทศไทยหยุดขายเหล้าแค่4-5 วัน ถ้ามันจะทำให้นักท่องเที่ยวขาดหายไปบ้างก็ช่างมันเถอะ!

ก็ไหนรัฐบาลคุย ปีนี้ (ขณะที่มีกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราเวลา 14.00-17.00 น. และ 24.00-11.00 น.อยู่) จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 40 ล้านคน

ซึ่งกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนโรคโควิดเกิด ที่มีจำนวน 39.9 ล้านคน และจะสร้างรายได้ถึง 1.98-2.23 ล้านล้านบาทไม่ใช่เหรอ?

แล้วใจคอยังจะโลภ คิดเบียดบังเอา “วันพระใหญ่” มาเปิดขายเหล้า-ขายเบียร์เพื่อจะเอาใจ-เอาเงิน (ไม่กี่บาท) นักท่องเที่ยวอีกหรือ?

วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเดือดร้อนหรือเรียกร้อง..

ประชาชน-ชาวบ้านทั้งที่ดื่ม-ไม่ดื่มก็ยังคงใช้ชีวิตเป็นปกติสุขดี!

นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวไม่ว่าจะเมืองใหญ่ เมืองรอง ก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจให้เกิดความวุ่นวาย จะมีก็แต่พวกชาวต่างชาติที่เมามายเท่านั้นที่สร้างปัญหา!

เมื่อมันปกติ-ดีอยู่แล้ว รัฐบาลคิดจะปลดล็อก-ยกเลิกกฎหมายห้ามขายเหล้าเบียร์วันพระใหญ่ให้คนบ่นด่าทำไมกัน?

หรือลึกไปกว่าที่เห็น คนคิดเรื่องนี้มีอะไรซ่อนเร้นไหม ที่สงสัยเพราะรัฐบาลนี้คิดนโยบายอะไรออกมาไม่เคยที่จะโปร่งใสสักเรื่อง!

และแต่ละเรื่องก็ล้วนสร้างปัญหาให้กับสังคมในอนาคต อย่างที่ รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ว่า..

“การที่รัฐบาลไทยระบุว่า จะสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน ซึ่งเป็นแหล่งการพนัน ในทุกภูมิภาคของประเทศ

และจะแก้กฎหมายเพื่อให้มีการขายเหล้าได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยมีเป้าประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

ย่อมเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในสายตาของคนทั่วโลกว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนอโคจร ซึ่งเป็นเรื่องน่าอาย และมีผลเสียต่อประเทศ..”

หรือ..อุ๊งอิ๊งไม่อาย?

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
เปิดแล้ว ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขา เซ็นทรัล โคราช ไลฟ์สไตล์ซูเปอร์มาร์เก็ตเต็มรูปแบบ
นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นางสุจิตา เพ็งอุ่นChief Operating Officer Large Format บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด...
Read More
0 replies on “ดินแดน “อโคจร” #สันต์สะตอแมน”