๑๗ ปี ‘นาทีทอง’ มาถึง #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

๑๑ พฤศจิกา.เรียกให้เท่แบบฝรั่งว่า 11.11
ลืมกันหรือเปล่าว่า “วันนี้เรามีนัดกัน?”
ความจริงก็ไม่ใช่ “เรา”
หากแต่เป็น “เขา” คือ “คุณสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” ประธานคณะกรรมการคัดเลือก “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” สั่งเลื่อนประชุมจากเมื่อ ๔ พ.ย.
แล้วนัดมาประชุมเลือกตัว “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” กันใหม่อีกที วันนี้ (๑๑ พ.ย.๖๗)

เลื่อนมาแล้ว ๒ ครั้ง ถ้าวันนี้กระทรวงการคลัง ยังยืนกรานเสนอ “คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็น “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” อยู่อีกละก็
ถ้าผมเป็น ๗ คณะกรรมการคัดเลือก….
จะสั่ง “เลื่อนอีก”
แล้วขอถอนตัวจากการเป็น “คณะกรรมการคัดเลือก” ไปเลย!

ไม่ต้องให้ใครมาตราหน้าว่าขายตัวกิน เพราะแต่ละท่านก็เหลือกินอยู่แล้ว มิสู้ธำรงศักดิ์ศรีแห่งความเป็น “สัตบุรุษ” เอาไว้ มิมีความหมายและราคามากกว่าหรือ?

“สัตบุรุษ” ผู้มีธรรมคู่ควรแก่การเคารพนับถือ ๗ ประการ คือ รู้จักเหตุ, รู้จักผล, รู้จักตน, รู้จักประมาณ, รู้จักกาล, รู้จักสังคม และรู้จักคน

“รู้จักคน = ปุคคะละปะโรปรัญญู” ในความหมายว่า ด้วยคุณสมบัติผู้คัดเลือก

ต้องแยกแยะได้ ใครดี-ไม่ดี คนนั้นๆ มีประวัติและความประพฤติอย่างไร มีศีล-มีธรรมมั้ย ควรคบหาสมาคมและควรส่งเสริมหรือไม่ เป็นต้น

เพราะตำแหน่ง “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” นั้น ทั้ง ๗ ท่าน รู้ดีแก่ใจแล้วว่า
“สำคัญต่อเศรษฐกิจสังคมชาติมากขนาดไหน?”

เมื่อฝ่ายการเมือง “ระบอบทักษิณ” โดยคลังส่ง “คุณกิตติรัตน์” เข้าไปหวังให้เป็น “ประธานบอร์ดฯ

“ระบอบทักษิณ” หวังอะไร…..
จากการส่งคนเข้าไปเป็น “ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” ยังต้องให้จ้ำจี้-จ้ำไชอีกหรือ?

เพราะอย่างนั้น “สังคมชาติ” จึงประสานเสียง “ยี้” ในตัวคุณกิตติรัตน์ดังกลบเสียงแม่นาคไปทั้งคลองพระโขนงและคลองแสนแสบ

โดยเฉพาะจากหมู่ “บัณฑิตชน” ทั้งอดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติและนักวิชาการเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมนับร้อยๆ ท่าน ต่างเข้าชื่อคัดค้าน
จน “คณะกรรมการคัดเลือก” ต้องเลื่อนประชุมมาเป็นครั้งที่ ๒

“คณะกรรมการคัดเลือก” ต้องเลื่อนทำไม?
ประเมินจาก “หน้าเสื่อ” ตามสายตาผมนะ เพราะคณะกรรมการฯ ท่าน นอกจาก “มีกิน-มีใช้” แล้ว

ผมว่า ฝ่ายการเมือง โดยผู้บริหารคลัง “ถือดีในอำนาจรัฐ” มากไป ทำประหนึ่งว่า “คณะกรรมการคัดเลือก” เป็น “คนของเรา”

“สั่งได้” ทำนองนั้น ซึ่งนี่ เป็นภาพ “หยามเกียรติ-หยามศักดิ์ศรี” คณะกรรมการฯ ที่น่าเกลียดมาก

การเมืองเหิมเกริม เมื่อถือดี ก็หยันสังคมว่า เสียงยี้ไม่ต่าง “เสียงนก-เสียงกา” ไม่มีน้ำยาที่จะมาทัดทานพลังอำนาจในมือการเมือง

พวกนี้ เก่งแต่เป็น “นักวิชาการหางว่าว”….
ส่งชื่อ “คุณกิตติรัตน์” กลับเข้าไปเหมือนเดิม หน้าไหนมีน้ำยาต้าน มีแต่มุกเก่าๆ กางตำราว่ากล่าวไปวันๆ…เชอะ!

ในเมื่อคนเลือกก็เป็นคนของเรา….”สั่งได้”
เลือกเสร็จ เสียงเห่า ก็เงียบฉี่
“เห่า-แต่กัดไม่เข้า” จะต้องไปให้ราคามันทำไม?!

การเลื่อนเมื่อ ๔ พ.ย. สร้างความมะลำ-มะเลืองในมุมคิดและมุมมองของสังคมวงกว้างต่อเรื่องนี้ในลักษณะนั้น

และต่างจับจ้องในวันนี้ ว่า….
“๑๑ พ.ย.” คลังจะ “เปลี่ยนตัว” โดยเสนอคนอื่น ที่มิใช่ “คุณกิตติรัตน์” เป็น “ประธานบอร์ด” ตามที่คุณสถิตย์เสนอไว้มั้ย?

และถ้าดึงดัน-ยืนกรานเสนอ “คุณกิตติรัตน์” เหมือนเดิม
คณะกรรมการฯ ทั้ง ๗ ที่มีคุณสถิตย์เป็นประธาน จะธำรงศักดิ์ศรีแห่งตนแบบไหน?

แบบเลือกแล้ว คอยรับโทรศัพท์ เชิญไปกิน “มาม่า”

หรือแบบที่ผมเสนอ….
เลื่อนอีกเป็นครั้่งที่ ๓ แล้วขอถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการคัดเลือก เตะกระถางน้ำข้าวหมาให้กระเด็นไปเลย

กลับไปนุ่งผ้าขะม้า นั่งเปิบ “น้ำพริก-ปลาทู” อิสระ เสรี ดำรงศักดิ์ศรี ที่แต่ละท่าน สั่งสมมีมากว่าค่อนชีวิตอยู่บ้าน
ดีกว่าเป็นมือ-เป็นตีนให้ใคร แลกกับ “มาม่า” ซองเดียว

หรืออีกทาง ในการตัดสินใจวันนี้….
เลือกบุคคลที่ประวัติและความพฤติไม่ด่างพร้อย จนสังคม “ไม่ไว้ใจในความเป็นคนดี” ซึ่งมีให้เลือกอีก ๒ คน ขึ้นเป็นประธานบอร์ดฯ ซักคน “ผ่าหมาก” มันไปเลย

เนี่ย…วันนี้….
จะได้คน จะเสียคน หรือจะธำรงตน หรือจะขายตน ก็จะได้รู้กัน!

เท่าที่สดับตรับฟัง หลังจากเลื่อนสัปดาห์ก่อน คุณสถิตย์เสนอ ให้คลังและแบงก์ชาติ “ถอยคนละก้าว”
คือให้ต่าง “ถอนชื่อ” คนที่เสนอเข้าแข่งขันเป็นประธานบอร์ดฯ ออกไป

ฝ่ายคลังก็ถอนชื่อคุณกิตติรัตน์ ฝ่ายแบงก์ชาติก็ถอนชื่อคุณกุลิศและคุณสุรพล
จากนั้น แต่ละฝ่ายก็ “เสนอคนใหม่” เข้ามาให้คณะกรรมการคัดเลือกได้ประชุมเลือกในวันนี้

แต่ดูเหมือน “ไม่มีเสียงตอบรับ” จากปลายสาย โดยเฉพาะจากทางการเมือง

หมายความว่า “กูไม่สน กูจะดันคุณกิตติรัตน์เข้าไปให้ได้ จุดหมายปลายทาง” ปีหน้า…เลือกตัวผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่โน่นเลย!

แต่มีอยู่ท่าน วัตรปฏิบัติทุกวันนี้ ไม่ต้องสวดญัตติในโบสถ์ แค่ “ปลงผม-ห่มเหลือง” ก็เป็นพระสุปฏิปันโนถึงพร้อมด้วยศีลและธรรมกราบไหว้ได้สนิทใจ

เพราะเท่าที่ผมติดตามดู ติดตามอ่าน ต่อเนื่องเป็นสิบปีแล้วกระมัง นอกจากไม่มีหย่อนในธรรมปฏิบัติแล้ว กลับเข้มข้นขึ้นทุกขณะ คือ….

“ดร.วิรไท สันติประภพ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ คนก่อนหน้าผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนปัจจุบัน “ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ”

เรื่องนี้ ดูท่านมีความห่วงใยเป็นพิเศษ ถึงขั้น เมื่อวาน ท่านออกมาโพสต์ “กระตุกสติ” สังคมอีกครั้ง อ่านดูนะครับ
……………………..

“Veerathai Santiprabhob”
ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของแบงก์ชาติ แต่เป็นเรื่องอนาคตของชาติ

candidate ชื่ออะไรไม่สำคัญ แต่ถ้ามีประวัติเป็นคนการเมืองแบบแนบแน่น
มีทัศนคติและวิธีคิดที่อยากแทรกแซงการทำงานของธนาคารกลางเพื่อตอบโจทย์การเมือง ก็ไม่สมควรครับ

ถ้าเรายอมให้ฝ่ายการเมืองส่งคนการเมืองเข้ามา “ครอบงำแบงก์ชาติ” ได้โดยง่าย
จะเป็นอันตรายยิ่งต่อการรักษา “เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทย”

ทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางและทำลายหน่วยงานหลักทางเศรษฐกิจของประเทศให้อ่อนแอ
จนไม่เหลือสักหน่วยงานเดียว ที่จะทัดทานนโยบายเศรษฐกิจที่ “ไม่ถูก-ไม่ควร” ได้

ต่อไป เราคงเห็นนโยบายประชานิยมแบบปลายเปิดเต็มไปหมด ไม่มีใครสนใจวินัยการเงินการคลัง
มีแต่นโยบายที่หวังผลประโยชน์ระยะสั้นเพื่อตอบโจทย์การเมืองเป็นหลัก

ในอนาคตนโยบายการเงิน และนโยบายสถาบันการเงินก็อาจจะถูกทำให้กลายพันธุ์เป็น “นโยบายประชานิยม” ไปด้วยก็ได้ครับ

11.11 “ร่วมด้วยช่วยกันป้องกัน”
“อย่าให้การเมืองเข้ามาครอบงำแบงก์ชาติได้โดยง่าย” ครับ.
……………………………

9/11 นั่นเมื่อปี ๒๕๔๔ ยุคทักษิณ ที่ “เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” สหรัฐฯ
ห่างมาอีก ๒๓ ปี เกิดปรากฏการณ์
11.11 “ร่วมด้วยช่วยกันป้องกัน” ปี ๒๕๖๗ ยุคลูกสาวทักษิณ ที่ แบงก์ชาติ ประเทศไทย!

ปรากฏการณ์ “การเมืองดันทุรัง” ดุมากในยุคนี้ อะไรที่กูจะเอา และต้องเอาให้ได้ มีให้เห็นและมีท้าทายสังคมหนักขึ้นทุกวัน

“เกาะกูด” บนดิน กินไม่ได้ กูจะดำไปขุดกินใต้น้ำ ใครทัดทาน ก็ยักไหล่ กูเสียงมาก ใครจะทำอะไรกูได้?

“ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ” กูก็จะเอา การเงินมาเป็นมือ-เป็นตีนให้การคลัง จะได้ออกนโยบายนั่งผลาญ-นอนผลาญ ไม่มีคนมาค้านให้รำคาญใจ

ทองคำหลวงตา “พระมหาบัว ญาณสัมปันโน” ในท้องพระคลัง มีนับหมื่นกว่ากิโลกรัม ตีเป็นตัน ก็สิบกว่าตัน
ทองคำตอนนี้ บาทละกว่า ๔๐,๐๐๐ บาท จะเป็นหนูจำนำข้าวสารทีละเมล็ดติดคุกให้โง่ทำไม?

ยุคนี้ “ในท้องพระคลังมีทอง ในท้องทะเลมีน้ำมัน”

“๑๗ ปี กว่าจะมีโอกาสได้กลับ”
ไม่รีบงับ ก็…โง่ชิบ!

เปลว สีเงิน
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
“สิ้นสุดทางคุก-สะสางทางร่วม”
เรื่อง”รัฐธรรมนูญ” แก้-ไม่แก้ …….. ก็ไม่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้นหรือแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ตัวทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน สส. “บางส่วน-บางพรรค” ในสภาวันนี้ตะหาก ที่เป็นตัวทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ซ้ำถ่วงความเจริญชาติบ้านเมือง ทำให้ภาพลักษณ์สถาบันนิติบัญญัติต่ำมาตรฐาน...
Read More
0 replies on “๑๗ ปี ‘นาทีทอง’ มาถึง #เปลวสีเงิน”