ด้วย “รักและห่วงใย” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

ช่วงนี้…
พี่น้องไทยจิตใจไม่ค่อยสบายกันใช่มั้ยครับ?
เพราะรัฐบาลที่โฆษณาว่าเจ๋ง
เอาเข้าจริง มีแต่ราคาคุย เนื้องานไม่เป็นสับปะรดขลุ่ย พึ่งอะไรที่เป็นเนื้อ-เป็นหนังไม่ได้ นอกจาก ตีปี๊บ ที่ว่างเปล่าไปวันๆ

ขณะที่ปัญหา “ปากท้องชาวบ้าน” เป็นสงครามชีวิต ไม่ปานหนังญี่ปุ่นเรื่อ ง”โอชิน” ที่เคยฮิตในช่อง ๓

แต่รัฐบาลเพื่อไทยของ “ตระกูลชิน” ที่คุยว่า เรารู้…เราทำแต่ปีกว่า…ทำอยู่เรื่องเดียว
เรื่อง “กู้มาแจกกระจุก” แล้วกระจายหนี้ไปทุกหัวคนไทย!

ตอนนี้ ขาหุ้นทั้งหลาย ต้องตื่น
“ฝรั่งหัวดำ” ที่สื่อช่วยกันประโคมว่า “ทุนนอกเป็นแสนล้าน” ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย นั่นน่ะ

ตอนที่ว่า “ทุนนอกไหลเข้า” ค่าบาทอยู่ที่ ๓๖-๓๗ บาท ต่อ ๑ เหรียญสหรัฐฯ
ตลาดหุ้น “เขียวงามตา”

สร้างภาพงามสง่า “ทุนนอกเชื่อมั่นรัฐบาลเพื่อไทย”
“แพทองธาร” ขึ้นเป็นนายกฯปุ๊บ
หุ้นขานรับ ทะลุฟ้าปุ๊บ เดือนเดียวขึ้นไปร้อยกว่าจุด!?

เงินนอกไหลเข้าส่วนหนึ่ง เฟดลดอกเบี้ยตั้ง.๕๐ อีกส่วนทำบาทที่เคยอ่อน ให้แข็งขึ้น
จาก ๓๖-๓๗ บาท ต่อ ๑ เหรียญ ก็แข็งขึ้นไปที่ ๓๒ บาทกว่า ต่อ ๑ เหรียญ

ถ้าพินิจกันซักนิด ก็จะพบว่า ช่วงนี้
“ฝรั่งหัวดำ” รวยกระจุก พาติดดอยกระจาย โดยขายหุ้นที่ลากขึ้นไป แล้วนำเงินจากที่ขายหุ้นได้ ไปซื้อดอลลาร์ที่เคยขายแพงๆ ตั้ง ๓๖-๓๗ บาท แต่ซื้อกลับได้ในราคาถูกๆที่ ๓๒ บาท
แล้วทะยอยขนดอลลาร์ “กลับออกไป”

ฉะนั้น ที่โอดโอย “บาทแข็ง” กันตอนนี้ โอยเบาๆ ได้แล้ว เพราะผมเชื่อ บาทน่าจะค่อยๆ เป็น “มะเขือเผา” ต่อจากนี้

ดูที่น่าสนใจดีกว่า…….
จะเห็นว่า ฝรั่งหัวดำในรายการนี้ มัน “ฟันกำไร” ไปสามต่อ ต่อแรก ขายดอลลาร์/ซื้อบาท ๑ เหรียญได้ ๓๖-๓๗ บาท นำมาซื้อหุ้น ปั่นไทยเป็น “ตลาดหุ้นทิพย์”

ต่อที่สอง กำไรจากหุ้นที่ “ซื้อถูกแล้วขายแพง”

ต่อที่สาม เอาทั้งทุุนและกำไรในรูปเงินบาท ไปซื้อดอลลาร์คืน ตอนขายดอลลาร์ “แลกบาท” ได้เหรียญละ ๓๖-๓๗ บาท

แต่ตอนซื้อดอลลาร์กลับ ใช้เงินบาทแค่ ๓๒ บาทกว่า ก็ได้ ดอลลาร์กลับคืนแล้ว ๑ ดอลลาร์

สรุป พี่ไทย “เสียท่า” ให้ไทยด้วยกัน แต่หัวใจตลบตะแลง ที่แปลงเป็น “ฝรั่งหัวดำ” ทำเป็นทุนนอกไหลเข้า ฟันกำไรไป ๓ ต่อ!

ใช้เงินจริงไม่ถึงแสนล้าน………
“ปั่นกระแส” ว่า เงินทุนนอกไหลเข้าตลาดทุนไทย แค่นั้น พวกแมงเม่า-แมงดด ก็ตูดสั่น ตามแห่ซื้อตาม

ตอนนี้ ฝรั่งหัวดำ ขนทุน+กำไรไหลออก รวยแบบเบิร์ดๆ ไป

พวกแมงเม่า-แมงดด ชักลอกแลก บ้างร้องในใจ…นึกแล้วเชียว ว่ามึงต้องต้มยำกู เหมือนตอน “ต้มยำกุ้ง”

ตอนนั้น พวกมึงเอาข้อมูลภายในว่า “รัฐบาลจะลดค่าเงินบาท” ไปกว้านซื้อดอลลาร์ที่เหรียญละ ๒๕-๒๖ บาทไว้ล่วงหน้า

พอประกาศ “ลดค่าเงินบาท” ตูม….
จาก ดอลลาร์ละ ๒๕-๒๖ บาท ถูกเป็นขี้ พรวดขึ้นไปที่ดอลลาร์ละ ๕๐ กว่าบาท แพงกว่าทอง!!!

“แก๊งอินไซด์” ที่อยู่ไม่ใกล้-ไม่ไกลรายนี้ ฟันส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนได้ไปโกงแบ่งกัน หลายพันล้าน แค่ข้ามวัน

“ฝรั่งหัวดำ” ที่ว่าเข้ามาปั่นตลาดเพื่อ “ต้มยำกู” กรายๆ ขณะนี้ ดูให้ดีเถอะ ………
มันมาลีลาเดียวกันกับแก๊ง “ต้มยำกุ้ง” ปี ๒๕๔๐ เปี๊ยบ!

ปี ๔๐ มันรวยจากใช้ข้อมูลภายใน “ขายบาทไปซื้อดอลลาร์ถูกๆ” ดักหน้า
ปี ๖๗ มันแปลงโฉมเป็น “ฝรั่งหัวดำ” ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง

เงิน ก็อย่างที่บอกไป

กล่อง ก็คือสร้างภาพรัฐบาล ว่า “นักลงทุนเชื่อมั่น”

นี้คือ วูบวาบจาก “ไฟไหม้ฟาง” ที่ผมอยากจะบอกว่า อย่าไปหลง ว่าที่สว่างวูบในท้องฟ้าแล้วหายวาบไปกับตา คือ “ทางช้างเผือก”

มันไม่ใช่
มันคือ “ทางหายนะ” ทางเศรษฐกิจและสังคมบริหารตะหาก!

อย่าว่าแต่เราๆ ชาวบ้าน ที่ยังมึนตึ๊บ ว่าเป็นรัฐบาลมาปีกว่า รัฐบาลเพื่อไทย มีนโยบายเป็น “ทิศทางนำ” ประเทศไปทางไหน ก็ยังไม่ชัดเลย

ที่ชัดมีแค่ ๒ เรื่อง กู้มาแจก กับจะแก้รัฐธรรมนูญ!

เท่าที่ผมสังเกต ทั้งคนเพื่อไทยและพรรคร่วมเอง ก็ยังไม่ตกผลึกพอๆ กันว่า

“รัฐนาวา” ที่ทักษิณประกาศเป็น “ผู้ครอบครอง” นายกฯ จะนำประเทศขึ้นจากเหวเศรษฐกิจและปัญหาสังคมด้วยยุทธศาสตร์ไหน?

หรือจะนำประเทศไปขายให้แก๊ง “คอลเซ็นเตอร์” ๙๙ ปี?
ฝนมา-ฟ้าถล่ม-ดินสไลด์ทับบ้านเรือนจมเลน

กระทั่งวิบัติภัย จากรถบัสนักเรียนไฟไหม้ จนเป็นโศกนาฎกรรมเมือง

นี่แค่ปัญหาเฉพาะหน้า ที่เป็น “บททดสอบ” วิสัยทัศน์ผู้นำและประสิทธิภาพการทำงานประสานเป็นทีมของรัฐบาล ถ้าคะแนนเต็ม ๑๐ ได้ ๔.๙ ก็เรียกว่า “หืด” แล้ว!

ทุกคน-ทุกหน่วย-ทุกกระทรวง มีความตั้งใจและจริงใจในปัญหา

ก็อย่างว่า แต่ละคน ต่างมี “เขตแดนอำนาจ” ของตัวเอง เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น เช่นกรณี น้ำป่าไหลทะลักท่วมแม่สาย เชียงราย เป็นต้น

ทุกคนรุมช่วย แต่ “ต่างคน-ต่างช่วย” ในขณะที่ ต่างคนต่างรู้ปัญหาไปคนละทาง-สองทาง การรุมช่วย มันก็ไม่ต่าง มึงดึงไปข้างหน้า กูดึงไปข้างหลัง

ลงท้าย “ฉีกแควก” ทั้งข้างหน้า-ข้างหลัง “พังเปล่า”!

การจัดทัพรับศึกตอนนี้ของรัฐบาล

ดูเหมือน “นายภูมิธรรม เวชยชัย” ผู้มีบทบาทเป็น “นายกฯ น้อย” รับหน้าที่
เป็น “ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบ อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม(ศปช.)” อยู่ในทำเนียบ

มอบให้ “น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์” รมช.มหาดไทย เป็น “ประธาน ศปช.” ส่วนหน้า

และ “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม เป็น  “บัญชาการดูแลสถานการณ์ในพื้นที่”

มันต้องกี่ขั้น-กี่ตอน และใครคนไหนเป็นผู้มี “อำนาจเบ็ดเสร็จ” ในการสั่งการกันละนี่ ผมว่า… แบบนี้ ไม่ได้เรื่องหรอก

นายกฯ ต้องมอบ “ดาบอาญาสิทธิ์” โดยมอบให้ใครซักคน ที่ “รู้ปัญหา-รู้พื้นที่” เป็น “ผู้บัญชาการสถานการณ์”
และตั้ง “ศูนย์บัญชาการ” ขึ้นที่นั่น ตัวผู้บัญชาการต้องไปกิน-นอน อยู่ที่นั่นเลย ถึงจะได้เรื่อง

ในตำบล-อำเภอหนึ่งๆ ที่น้ำท่วม บ้านเรือนตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง มีคนติดอยู่ ต้องการความช่วยเหลืออยู่ตรงไหนบ้าง?

คนอยู่ในทำเนียบ ในจวน หรือในตัวอำภอ ตัวจังหวัด จะรู้มั้ย?

หน่วยอาสาที่ไปช่วย นำข้าวปลาอาหาร เขาจะรู้หรือว่าจะไปแจกที่ไหน คนติดค้างอยู่ตรงไหน และจะเข้าไปให้ถึงได้ทางไหน-อย่างไรกัน?

ก็มีแต่ใจที่เข้าถึง แต่ตัวและของไปไม่ได้-ไม่ถึงหรอก ก็ต้องกองเอาไว้ น่าเสียดาย ข้าวปลาอาหารเน่าเสียหมด

นักการเมือง สื่อ หรือใครต่อใคร ก็ไปถึงเฉพาะที่ถ่ายรูปได้ ของกิน-ของแจก ก็ถึงเฉพาะคนที่รอดแล้ว แต่คนที่กำลังรอ จะอดตาย ไม่มีใครเข้าไปถึงเลย!

นี่คือโจทย์ “ต้องคิด-ต้องแก้” ด่วน

ทุกปัญหามันต้องมี “ศูนย์รวม” แล้วผู้บัญชาการพื้นที่ ก็แจกงานไปสู่จุดเป้าหมายทันทีและทั่วถึง โดยไม่ต้องมีคำว่า “ขั้นตอนตามลำดับชั้น”

คนนอกพื้นที่ “รู้ไม่ถึง” ภูมิศาสตร์แต่ละท้องที่ ถ้าเป็นสงคราม ส่งทหารไป เท่ากับส่งไปตาย

นี่เหมือนกัน ถ้าไม่รวมศูนย์ทุกหน่วยอำนาจ หน่วยอาสา ทุกความช่วยเหลือ ทุกสื่อสารการติดต่อ มาไว้ที่ผู้บัญชาการผู้มีอำนาจเต็ม

ต่างคน-ต่างช่วย, ต่างคน-ต่างทำ ไปแบบนี้ ผลลงท้าย ที่ช่วยกัน ๑๐๐ จะได้ผลแค่ ๒๐-๓๐!

“สงครามน้ำ” ในภาคเหนือ เชียงราย-เชียงใหม่ ยังไม่จบง่ายหรอก ถ้ารัฐบาล “ดีแต่สั่ง-ดีแต่แถลง” อยู่แบบนี้

“แม่สาย-เชียงราย” จมน้ำ-จมเลน ไปนิรันดร์แน่!

สงครามเศรษฐกิจ สงครามภัยธรรมชาติ ก็เรียงลำดับให้ดูแล้ว และที่จะเตือนให้รัฐบาลตระหนักและวางกระบวนทัศน์

คือเราจะแปลงวิกฤติที่จะเกิดในระยะอันใกล้ ให้ไทยเป็น “เศรษฐีสงคราม” ได้ยังไง รัฐบาลต้องเตรียมการด่วน
เพราะ “สงครามจริง” โลกใบนี้ หนีไม่พ้นแน่แล้ว!

ต้นเดือนพฤศจิกา.เลือกตั้งสหรัฐฯ ได้ตัวประธานาธิบดีคนใหม่เสร็จสรรพ
ยุโรปตะวันออก “ยูเครน-รัสเซีย”
ตะวันออกกลาง “อิหร่าน-อิสราเอล”

เขา “เอากันแน่แล้ว…พี่จ๋า”!

ฉะนั้น ช่วง “สงกรานต์ ปี ๖๘” น่าจะเป็นทั้งสงกรานต์สาดน้ำและสงกรานต์สาดเลือด

ไหวมั้ย…นายกฯ แพทองธาร?

เดือนกว่า ก็ “เสียน้ำตา” จากปัญหาบีบคั้นไปบ้างแล้ว

ทนไปอีก ๖ เดือน ให้ถึงสงกรานต์ ก็ไม่รู้ จะต้องเสียน้ำตาไปอีกซักกี่หยด?

ที่พูดนี่ ก็ “ห่วง” จากจริงใจ เพราะผมมองไปถึงปลายตีนฟ้าข้างหน้าแล้ว บอกได้คำเดียว

“ไม่ไหวก็อย่าฝืน” นะ!

เปลว สีเงิน
๔ ตุลาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
การตั้งรับ “ไวรัส” ของรัฐบาล
เรื่องไวรัส “โคโรนา” หรือไวรัส “อู่ฮั่น”นี่ ตื่นมากไปก็ไม่ดี ตื่นน้อยไปก็ไม่ดี เอาพอดีๆ แบบมีสติคุม จะดีที่สุด!
Read More
0 replies on “ด้วย “รักและห่วงใย” #เปลวสีเงิน”