ผักกาดหอม
หันหัวเรือกลับเรียบร้อย…
พรรคเพื่อไทยใส่เกียร์ถอย ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เลวลงใน ๖ ประเด็นแล้ว
วิธีถอยดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพ
คือ…ผีเจาะปาก อยากจะอ้างอะไรก็อ้างไปเรื่อย ไม่ได้ดูว่าก่อนนี้พูดอะไรเอาไว้บ้าง
ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวานซืน (๒๔ กันยายน) เขาคุยกันเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญครับ
ประชุมเสร็จแล้ว ไม่มีใครให้ข่าวหรอกครับ นักข่าวต้องไปคุ้ยแคะแกะเกาเอาเอง
ได้ความว่า…ในที่ประชุม “ชูศักดิ์ ศิรินิล” เนติบริเกินของรัฐบาลเพื่อไทย บอกกับที่ประชุมว่า
“…การแก้ไขเรื่อง ซื่อสัตย์สุจริต-จริยธรรมนั้น ไม่ได้เกิดจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ในรัฐบาล เป็นผู้เสนอเข้ามา ทำให้ สส.ในพรรคเห็นตรงกันว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ผลักดันต่อ เพราะถึงอย่างไรเพื่อไทยก็ไม่ใช่คนริเริ่ม…”
อ้าว…ฉิบหายสิครับ
ใครหว่า…หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ในรัฐบาล
พรรคภูมิใจไทยก็ไม่น่าจะใช่ เพราะ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เหยียบเบรกตัวโกงตั้งแต่เมื่อวาน จนเพื่อไทยระส่ำไปทั้งพรรค
รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ก็ไม่ใช่ เพราะวันนี้ไม่ใช่พรรคใหญ่
มีแต่เพื่อไทยนั่นแหละครับที่อยู่ในเกณฑ์ “พรรคใหญ่”
“มาดามแพ” เป็นคนเสนออย่างนั้นหรือ
ครับ…พอสรุปโดยสังเขปว่าเป็นการถอยโดยโยนขี้ให้คนอื่น ซึ่งเป็นใครไม่รู้
มันย้อนแย้งกับสิ่งที่ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” พยายาม ปลุกเร้าให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เลวลงก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
แต่เอาเถอะครับ เมื่อถอยแล้วก็ต้องถอยให้จริง
ก็น่าจะเป็นตามนั้น เพราะ “บิ๊กอ้วน-ภูมิธรรม” นั่งดีดลูกคิดแล้วเห็นว่าไม่คุ้ม
“…ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไร จะปิดประตูตายหรือไม่ เดี๋ยวค่อยว่ากัน เอาเรื่องของประชาชนก่อน อย่าไปสนใจเรื่องอื่น ที่ไม่ใช่ของประชาชน…”
สำหรับพรรคเพื่อไทยก็เป็นไปตามนี้
แต่ไม่ใช่เพราะถอยเองนะครับ
ถอยเพราะ พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศจุดยืน ที่เป็นวิถีชีวิต ไม่แก้รัฐธรรมนูญประเด็นคุณสมบัติรัฐมนตรี ว่าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจริยธรรม
พรรคเพื่อไทยกลัวกระทบเสถียรภาพของรัฐบาล
นี่ก็ยังสะท้อนให้เห็นว่า อำนาจต่อรองในรัฐบาลนั้น พรรคร่วมรัฐบาลสามารถบีบพรรคเพื่อไทยให้อยู่หมัดได้
ก็น่าห่วงนะครับ เพราะดูทรง “อุ๊งอิ๊ง” ยังไม่มีบารมีทางการเมืองมากพอ มีพ่อผลักอยู่ข้างหลัง ข้างหน้าพรรคร่วมรัฐบาลยืนค้ำอยู่
จะทนแรงเสียดทานได้นานแค่ไหน
แค่เรื่องเงินบาทแข็งมีผลดีกับการส่งออกก็เสียศูนย์ไปเยอะพอควร
ระยะยาวจะสู้กับ คอ-นก-รีต ไหวหรือเปล่า มืดสิบสองด้าน ไม่รู้จริงๆ ครับ
มาเรื่องพรรคส้ม ที่จริงเขาชื่อพรรคประชาชน แต่มันเรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะมันไม่ใช่ฉันทามติที่จะให้เรียกแบบนั้น
เรียก “พรรคส้ม” จึงเหมาะกว่าทั้งทางพฤตินัย และนิตินัย
พรรคส้มเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นกัน และเสนอไปพักใหญ่แล้ว แต่มันก็แปลกตรงที่ ทำไมไม่เอามาโม้ว่าแก้อะไรบ้าง
ปกติพรรคส้มจะนำรายละเอียดของร่างกฎหมายที่เสนอสภาฯ มาบอกกล่าวกับสาธารณะเสมอว่ามีอะไรบ้าง
“เหล้าเสรี” พูดกันข้ามปี
ทีแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่กลับเงียบกริบ
แต่ไม่เป็นไรครับ ตัวร่างกฎหมายหลุดผ่านสื่อมาแล้ว ต้นตอจากเว็บไซต์ของรัฐสภา ไม่ใช่เว็บไซต์พรรคส้ม เพราะหน้าเว็บพรรคส้มยังง่วนอยู่กับการรับเงินบริจาคอยู่ ไม่มีเวลาให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นๆ
มีเนื้อหาและสาระของการแก้ไขเพิ่มเติม ใน ๔ ประเด็น คือ
คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ
บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานจริยธรรม
การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
กระบวนการร้องเรียนกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
มาตรา ๑๖๐ ว่าด้วยคุณสมบัติของรัฐมนตรี ตัด (๔) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ (๕) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกไป
มาตรา ๑๘๖ ในหมวดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งกำหนดให้นำเงื่อนไขที่กำหนดให้ สส.และ สว.ปฏิบัติหน้าที่ มาบังคับใช้กับรัฐมนตรี พรรคส้มพี่แกตัดถ้อยคำในวรรคท้าย ที่ระบุโยงการกระทำที่กำหนดไว้ในมาตรฐานทางจริยธรรม ออกไป
มาตรา ๒๐๑ ว่าด้วยคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตัด (๔) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ออกไป
มาตรา ๒๐๒ ว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตัด (๑๐) มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกไป
มาตรา ๒๐๘ ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
พรรคส้มเสนอแก้ไข (๕) เป็น “…ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พ้นจากตำแหน่งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ…”
จากเดิมที่กำหนดให้พ้นตำแหน่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พ้นจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๓ ใน ๔ ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เพราะเหตุฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
พูดง่ายๆ คือให้พ้นตำแหน่งง่ายขึ้น
มันน่าขำตรงที่ ร่างของพรรคเพื่อไทยมีเรื่องการลงมติของศาลรัฐธรรมนูญแต่คนละมาตรากัน
ของเพื่อไทยบอกว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๑๑ ปัจจุบันคำวินิจฉัยให้ถือเสียงข้างมาก แก้ไขเป็น ถ้าเป็นการวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ สส.-สว.สิ้นสุดลง หรือความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว
การวินิจฉัยว่ามีการฝ่าฝืนตามมาตรา ๑๔๔ ให้ใช้เสียง ๒ ใน ๓ ของตุลาการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
สรุป ๒ ร่างนี้คือ พรรคส้มให้ศาลรัฐธรรมนูญพ้นตำแหน่งง่ายขึ้น ส่วนเพื่อไทยให้นักการเมืองพ้นตำแหน่งยากขึ้น
มันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือแก้แค้นกันแน่
ของพรรคส้มยังมีต่อครับ
แก้ไขมาตรา ๒๓๔ ว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช. ให้ตัดถ้อยคำใน (๑) ที่กำหนดให้ ป.ป.ช.มีอำนาจไต่สวนและมีความเห็นกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออก
และตัด (๔) หน้าที่และอำนาจอื่นที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ออกทั้งวงเล็บ
มาตรา ๒๓๕ ว่าด้วยการตรวจสอบ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดขั้นตอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ให้ตัด (๑) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย
นอกจากนี้ยังแก้ไขในส่วนของบทกำหนดโทษ ที่ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ที่ถูกพิพากษา จากเดิมที่กำหนดเวลา ๑๐ ปี เป็น ๕ ปี และตัดการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งออก
ทำให้บทลงโทษดังกล่าวเหลือเพียงการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ๕ ปี เท่านั้น
นี่หรือครับพรรคการเมืองความหวังคนรุ่นใหม่
ถอนออกไปเถอะครับ ถอนตอนนี้เลย ประชาชนน่าจะยังให้อภัย
ถือเสียว่าที่ผ่านมา ผีผลัก ให้เขียน
ถ้ายังดื้อแล้วจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นมา… ก็ระวัง!
ฝ่ายค้านก็เป็นไม่ได้
