ผักกาดหอม
เย็นๆ โน้นแหละครับ
ถึงจะรู้ว่า ยุบ หรือ ไม่ยุบ พรรคก้าวไกล
โหมโรงกรณีทูต ๑๘ ประเทศในยุโรป มี ออสเตรีย, เบลเยียม, เช็ก, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮังการี, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, โปรตุเกส, โรมาเนีย, สโลวาเกีย, สเปน และสวีเดน พบปะพูดคุยกับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคมที่ผ่านมา ไม่มีอะไรต้องไปตื่นเต้นครับ
เป็นธรรมชาติของคนสอดรู้สอดเห็น ชอบนินทาเรื่องชาวบ้านรวมตัวกันเชิญคนที่ตกเป็นขี้ปากไปคุย มันก็เท่านั้น
ก็มีเรื่องเดียวครับที่คุย คือเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล
ในแง่มารยาท ไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะคนสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านมักไม่ค่อยมีมารยาทอยู่แล้ว
รายชื่อ ๑๘ ประเทศมาจากการโพสต์ X ของ “พิธา” แต่นับได้ ๑๗ ขาดไปหนึ่ง ไม่ทราบประเทศอะไร
แต่ช่างมันเพราะไม่ได้สลักสำคัญอะไร อาจจะแค่ “พิธา” นับเลขผิด หรือเขียนชื่อไม่ครบ แต่ผลมันคงเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
อียูเสือกเรื่องชาวบ้านไม่เคยเปลี่ยน ไม่เฉพาะไทยครับ ใช้นิสัยนักเลงโตตามก้นลูกพี่อเมริกาแบบนี้ไปทั่วโลก
เที่ยวไปรุกราน ตั้งกฎให้เขาทำตาม
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวเองเสียเปรียบ ก็ตั้งกฎกีดกันทันที ดูกรณีจีนเป็นตัวอย่าง
ฉะนั้นตราบใดที่ทูต ๑๘ ประเทศ ไม่ออกแถลงการณ์โจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย บรรดาแม่ยกก็ดูการแสดงลิเกเพลินๆ จาก คณะก้าวไกล ศิษย์อียู แกล้มมะม่วงน้ำปลาหวานไปพลางๆ
เอาไว้ให้ฝรั่งพวกนี้เข้ามาแทรกแซงค่อยว่ากันอีกที
ไม่ไปเปิดศึกอะไรหรอกครับ เพราะไม่มีปัญญาจะทำ แค่จะบอกให้พวกที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง กลับไปกวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเสือกเรื่องชาวบ้าน
ก็พยายามทำเป็นสูตรสำเร็จ ทำตามคู่มือ ขึ้นชื่อว่าอียู มันต้องสามารถอบรมสั่งสอนประเทศอื่นๆ ที่ล้าหลังกว่าได้ในทุกภูมิภาคทั่วโลก
แล้วในบ้านตัวเองเป็นไงครับ
ลูกพี่ใหญ่อียูอย่างฝรั่งเศส บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่มีจลาจล ไม่มีเผาบ้านเผาเมือง เลยใช่มั้ยครับ
ไม่กระแดะเรื่องสิทธิมนุษยชน เสรีภาพเต็มร้อย ไร้ซึ่งการเหยียดผิวกันเลยแม้แต่นิดเดียวใช่มั้ยครับ
มีความปลอดภัย ไร้โจร ขโมย ของหายได้คืนทุกชิ้น ใช่มั้ยครับ
ครับ อียู ไม่ใช่พ่อ ทุกประเทศมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ฉะนั้นทุกอย่างมีขอบเขต ทำอะไรแต่พอดี ไม่มีใครว่า
แต่หากล้ำเส้น สังคมไทยมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่าหาว่าไม่เตือน
นิสัยฝรั่งชอบคิดว่าตัวเองเจริญกว่า ฉะนั้นประเทศที่ล้าหลังกว่าต้องเดินตามกรอบที่วางไว้ให้ ประเทศไหนไม่ทำตามจะถูกเล่นงานทั้งทางการเมือง และเศรษฐกิจ
ถามหน่อยเถอะครับ วิธีการนี้เคยใช้ที่ไหนแล้วสำเร็จบ้าง
เห็นมีแต่ฉิบหาย
กี่ประเทศแล้วที่ฝรั่งอียูร่วมมือกับอเมริกา เอาเรื่องสิทธิมนุษยชนไปอ้าง แล้วเอาเปรียบเขา แอบไปสูบทรัพยากรเขาอย่างหน้าด้านๆ
เห็น ท่านโฆษกไอติม “พริษฐ์ วัชรสินธุ” ออกมาเคลียร์ ๓ ประเด็น
ประการแรก ขอยืนยัน ว่าการพูดคุย การรับประทานอาหาร ระหว่างเอกอัครราชทูต ตัวแทนสถานทูต กับฝ่ายการเมือง รัฐบาล และฝ่ายค้าน เป็นเรื่องปกติ ส่วนของนายพิธา มีการเชิญจากสถานทูตไป
ประการที่สอง หากมองถึงการแสดงออกของตัวแทนสถานทูต ก็ยังไม่เห็นข้อความใดที่เข้าข่ายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเรื่องนี้ นายภูมิธรรม ก็ได้แสดงความเห็นคล้ายกัน
ส่วนประเด็นสุดท้าย คิดว่ารัฐบาลก็น่าจะเห็นตรงกัน ว่าท้ายที่สุด โลกที่มีการเชื่อมโยงกันหลายประเทศ มุมมองที่ต่างชาติมองมายังประเทศไทย จะมีผลกระทบต่อการแสวงหาความร่วมมือ ไม่ว่าจะเรื่องการค้า การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนระดับสากล และโอกาสของไทยที่จะมีโอกาสในเวทีโลก เช่น การเป็นสมาชิกคณะมนตรีเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ
ถูกทุกข้อครับ
แต่ที่เหนือกว่านั้น หากมองว่าชาติตะวันตกคือนักบุญ นำความถูกต้องมาให้ ระวังหายนะจะเกิด
เรื่องนักการทูตคุยกับนักการเมืองไทย เป็นเรื่องสุดแสนจะธรรมดา เพราะสมัยรัฐบาลประยุทธ์ นักการทูตตะวันตก ก็ขอเข้าพบพูดคุยกันบ่อย
คุยได้ครับ แต่ไม่ใช่เดินตามก้นไปเสียทุกเรื่อง
ที่เชิญ “พิธา” ไปลูบหัว ก็ไม่อะไรสำคัญ
แต่ “พิธา” ต่างหากที่ทำให้มันสำคัญ เพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล
ที่ “ไอติม” พูดเรื่องสิทธิมนุษยชน ข้อนี้ก็ควรระวัง เพราะหลายประเทศถูกเอาเปรียบซ้ำซากด้วยข้ออ้าง เรื่องสิทธิมนุษยชน
ปัจจุบันอียูเองก็มีปัญหา เรื่องสิทธิมนุษยชน แทบทุกประเทศ
มีประเทศไหนรับผู้อพยพโดยไม่บ่ายเบี่ยงบ้าง
มันเกี่ยงกันทั้งนั้น
เพราะทุกประเทศต่างก็อยากรักษาหม้อข้าวตัวเอง
ฉะนั้นมันจึงเป็นการสร้างกฎเพื่อให้ตัวเองดูสูงส่งกว่า มีความเป็นมนุษย์มากกว่า แต่ก็มักจะนำไปใช้เพื่อเอาเปรียบประเทศที่ด้อยกว่า
ว่าจะคุยคั่นเวลาคดียุบพรรคก้าวไกล กลับร่ายเรื่องฝรั่งเสียยาวยืด
พรรคการเมืองไทย
กฎหมายไทย
ศาลไทย
ยุบไม่ยุบ เป็นเรื่องภายในของไทย
แต่คงมีคนแย้งว่า โลกเชื่อมโยงกันหมด เรื่องของไทยเป็นเรื่องของโลก เพราะผลกระทบมันโยงใยถึงกันหมด ก็ขอบคุณที่ให้ความสำคัญกับประเทศไทยถึงขนาดนั้น
แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไม อียู กับ อเมริกา ถึงชอบออกกฎหมายให้มีผลเจาะจงบังคับใช้กับประเทศอื่นกันจัง
พอประเทศเล็ก หรือประเทศคู่แข่งออกบ้าง ก็หาว่ากีดกัน เที่ยวไปฟ้องคุณพ่อองค์กรโลกทั้งหลายให้กดดัน ไม่ยอมเสียเปรียบเลยแม้แต่นิดเดียว
ครับ…หากพรรคก้าวไกลรอด การเมืองเดินหน้าต่อ
หากพรรคก้าวไกลไม่รอด การเมืองก็เดินหน้าต่อ
รัฐบาลสร้างความฉิบหายต่อ
ฝ่ายค้านก็ไปคนละทิศละทางต่อ
ประชาชนชะเง้อดูต่อ
นี่คือความจริงการเมืองไทย